【superslot1234 เครดิตฟรี50】‘มีจริง’แยกได้ 2 แบบ ‘ตั้งท้องทิพย์’ อาการใช่แต่‘ไม่มีลูก’ | เดลินิวส์
ทั้งนี้ กรณี “ท้องลม ท้องหลอก” กรณีแบบนี้ก็มีข้อมูลแง่มุมในทางการแพทย์
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์กรณีนี้ “มุมการแพทย์มีคำอธิบาย”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์แยกเป็น “ท้องลม” กับ “ท้องหลอก”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์และวันนี้ ณ ที่นี้จะสะท้อนต่อข้อมูล
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับกรณี “ท้องลม-ท้องหลอก” ที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อในวันนี้นั้น เป็นข้อมูลที่มาจากบทความที่มีการเผยแพร่ไว้ทาง เว็บไซต์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นบทความให้ความรู้ประชาชนเรื่อง “ท้องลม ท้องหลอก” ซึ่งจัดทำไว้โดย รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ที่ได้ช่วยอธิบายเกี่ยวกับกรณี “ท้องลม” และกรณี “ท้องหลอก” ไว้ โดยสังเขปมีดังนี้
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์รศ.นพ.วิทยา ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา อธิบายไว้ว่า สำหรับผู้หญิงบางคนที่ตั้งใจอยากจะมีลูกมาก ๆ เมื่อประจำเดือนขาดหายไปก็ย่อมดีใจและสงสัยว่าตัวเองตั้งท้อง ยิ่งเมื่อตรวจด้วยเครื่องทดสอบการตั้งครรภ์จากปัสสาวะแล้วบ่งชี้ว่าท้องก็จะยิ่งดีใจ แต่เมื่อไปพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์ หลังการตรวจกลับปรากฏว่า มีการ ตั้งท้องจริง แต่ไม่มีร่างกายของเด็ก!! ซึ่งอาการในลักษณะนี้ สามารถพบได้บ่อยเช่นกัน โดยทางการแพทย์เรียกว่า “Blighted ovum”หรือ “ภาวะไข่ฝ่อ”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์หรือภาษาง่าย ๆ ที่เรียกกันคือ“ท้องลม”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์ที่เป็น“ความผิดปกติของการตั้งครรภ์”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์ทางคุณหมอท่านเดิมได้อธิบายไว้ในบทความอีกว่า ตามปกติหลังจากไข่กับอสุจิผสมกันแล้วจะมีพัฒนาการต่อไปเรื่อย ๆ จนเป็นทารก รก กับถุงน้ำคร่ำ และพอครบ 280 วัน ก็จะคลอดทารกออกมา ซึ่งนี่เป็น “การตั้งครรภ์ปกติ” แต่ ในกรณีที่ “ผิดปกติ” สำหรับบางคนนั้น หลังจากที่ไข่กับอสุจิผสมกันแล้วก็จะมีพัฒนาการต่อ โดย ส่วนรกและถุงน้ำเจริญเติบโตต่อไป แต่ทารกกลับไม่เจริญเติบโต ซึ่งในบางเคสอาจจะไม่มีตัวเด็กให้เห็นเลย ขณะที่บางเคสก็อาจเห็นตัวเด็ก แต่เมื่อตรวจไปเรื่อย ๆ จะพบว่า ตัวเด็กจะค่อย ๆ เล็กลง และเสียชีวิตค้างในถุงน้ำคร่ำ ซึ่งแบบนี้นี่ “ตั้งท้องจริง”แต่ “ไม่พัฒนาเป็นทารก”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์ที่สุดก็ “เสียเด็กไป” ที่สุดก็ “ไม่มีลูก”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์เป็นความผิดปกติ เกิดกรณี “ท้องลม”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์
ส่วนกรณี “ท้องหลอก” นั้นจะแตกต่าง โดยทางคุณหมอท่านเดิมได้อธิบายเไว้ว่า อาจมีเหตุการณ์เกิดขึ้นได้จริง ๆ ที่ผู้หญิงบางคนเข้าพบหมอที่โรงพยาบาลเพราะคิดว่าตนเองตั้งครรภ์หรือท้อง ทั้งที่ไม่ได้ท้อง!!เนื่องจากผู้หญิงคนนั้นอาจจะประจำเดือนขาดหายไป ร่วมกับมีอาการอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย หรือบางคนอาจจะรู้สึกเหมือนกับมีลูกหรือเด็กดิ้นอยู่ภายในท้อง หรือรู้สึกท้องโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาการเหล่านี้เองที่ทำให้บางคนจึงมั่นใจว่าตัวเองได้ตั้งท้องแล้ว แต่ พอไปตรวจร่างกายกับแพทย์ก็กลับพบว่า ท้องไม่โต ไม่ได้มีการท้อง และเมื่อส่งตรวจอัลตราซาวด์ ก็จะพบแค่มดลูก แต่ ไม่มีลักษณะของการตั้งครรภ์ปรากฏให้เห็นในการตรวจเลย จนสงสัยว่า เป็นไปได้อย่างไร? ทั้งที่มีอาการบ่งชี้ชัดเจน?
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์ทั้งนี้ ข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่บางคนรู้สึกว่าตนเองตั้งท้อง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ท้อง กับคำตอบเรื่องนี้ทาง รศ.นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้อธิบายผ่านบทความให้ความรู้ประชาชนไว้ว่า ก็เป็นไปได้เช่นกันว่าผู้หญิงบางคนอาจจะมีอาการเช่นนี้ คือไม่ได้ท้อง แต่รู้สึกว่าท้อง โดยที่ ภาวะที่รู้สึกเหมือนมีการตั้งครรภ์ แต่ไม่มีจริง นี้ ในทางการแพทย์จะเรียกว่า “Spurious pregnancy”หรือ“Pseudocyesiss”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์“ภาวะท้องหลอก”ไม่มีการตั้งครรภ์จริง
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์นี่เป็น“ความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์คุณหมอท่านเดิมยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ที่มีอาการ“ท้องหลอก” เอาไว้ว่า ผู้ป่วยส่วนมากมักจะมาเล่าอาการมากมายที่เกิดขึ้นให้หมอฟัง เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย คัดตึงเต้านม ประจำเดือนขาด ซึ่งฟังแล้วก็น่าจะเกิดจากการตั้งครรภ์ทั้งสิ้น หรือบางคนก็อาจจะถึงขั้นรู้สึกว่ามีลูกดิ้นอยู่ในท้อง โดย “สาเหตุ” ส่วนใหญ่มาจาก “ปัญหาสภาพจิตใจ”โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะ เครียด เพราะอยากมีลูก จนความเครียดที่เกิดขึ้นไปทำให้ต่อมใต้สมองทำการสร้างฮอร์โมนไปกระตุ้นรังไข่ ซึ่งเมื่อถูกกระตุ้นมากขึ้นรังไข่จะสร้างฮอร์โมนตัวหนึ่งไปกระตุ้นมดลูก จนผนังมดลูกหนา และไม่มีประจำเดือน
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์“พอไม่มีประจำเดือนก็คิดว่าตั้งครรภ์ เลยกินอาหารบำรุงใหญ่จนทำให้อ้วน ซึ่งการสะสมไขมันใต้ผิวหนังที่มีมากขึ้นก็ไปสร้างฮอร์โมนทำให้ไม่มีประจำเดือนเช่นกัน และเมื่ออ้วนขึ้นก็คิดว่าท้องโตขึ้น แต่เมื่อตรวจมดลูกก็ไม่พบว่าตั้งครรภ์ ส่วนอาการคนท้องที่เกิดขึ้นล้วนเป็นอุปาทาน” นี่เป็นคำอธิบายจากคุณหมอเกี่ยวกับกรณี “ท้องหลอก”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์“ท้องลม ท้องหลอก” แบบนี้นั้น “มีจริง”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์อาจคนละเรื่องเดียวกันกับ “ท้องทิพย์”
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์คนละเรื่องแน่ ๆ กับ “ลวงว่าท้อง!!”.
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์ทีมสกู๊ปเดลินิวส์
มีจริงแยกได้แบบตั้งท้องทิพย์อาการใช่แต่ไม่มีลูกเดลินิวส์