【ผลบอลคัมบูร์】ภารกิจเพื่อผู้ป่วย 'โรงพยาบาลแห่งอนาคต' เปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์ส สจล. 'ยังขาดปัจจัย' รอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือ | เดลินิวส์

“…ตั้งใจให้ที่นี่เป็นโรงพยาบาลที่แตกต่าง เพราะนอกเหนือจากการดูแลรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังตั้งใจทำให้เป็นที่นี่เป็นแหล่งวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ครบวงจรของประเทศไทยด้วย” นี่เป็น “ภารกิจสำคัญ” ที่ทาง ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ระบุไว้กับ “ทีมวิถีชีวิต” ในวันที่พา คณะผู้บริหารเดลินิวส์ และ กองบรรณาธิการเดลินิวส์ เยี่ยมชมติดตามความคืบหน้าการก่อสร้าง โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (King Mongkut Chaokhun Thahan Hospital) หรือมีชื่อย่อว่า “KMCH” ที่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็มีเรื่องราวเบื้องหลังและเส้นทางน่าสนใจ ที่วันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” มีเรื่องราวมานำเสนอ…

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

“แม้จะเป็นโรงพยาบาลของรัฐ แต่ไม่ได้ใช้เงินภาษีประชาชนเลย แต่เกิดจากการสนับสนุนช่วยเหลือของผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน” อาจารย์เอ้ หรือ ศ.ดร.สุชัชวีร์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารฯ ระบุ พร้อมเล่า “ที่มา” ของการสร้างโรงพยาบาลว่า ย้อนกลับไปช่วงที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง อธิการบดี สจล. ซึ่งช่วงนั้นเองได้มีแนวคิดที่จะก่อตั้ง “คณะแพทยศาสตร์” ขึ้น เพราะตั้งใจไว้นานแล้วว่า ถ้ามีโอกาสเป็นอธิการบดีจะก่อตั้งคณะนี้ขึ้นมาในรั้ว สจล. โดยคณะแพทย์นี้ นอกจากจะต้องเชี่ยวชาญการรักษาแล้ว ยังต้องการสร้างแพทย์ที่เป็นนักวิจัยและนักนวัตกรรม เพื่อสร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ใหม่ ๆ ด้วย จนในที่สุดคณะแพทยศาสตร์ สจล. ก็จึงเกิดขึ้นสำเร็จ โดยปัจจุบันนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกที่เรียนจบก็ได้ไปเป็นคุณหมอแล้ว ทั้งนี้ ทาง ศ.ดร.สุชัชวีร์ ขยายความที่ต้องท้าวความเรื่องนี้ เพราะเชื่อมโยงกับการก่อตั้งโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารแห่งนี้ โดยมีแนวคิดให้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็น “โรงพยาบาลแห่งอนาคต” ที่มีการใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อดูแลผู้คนจำนวนมาก รวมถึงต้องการให้ที่นี่เป็น “โรงพยาบาลวิจัย” เพื่อการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ และสร้างเครื่องมือกับอุปกรณ์การแพทย์ใหม่ ๆ ให้กับ ประเทศไทย จนกลายมาเป็น “คำนิยามสำคัญ” ของโรงพยาบาล นั่นคือ “โรงพยาบาลที่เป็นผู้นำด้านการรักษาและสร้างนวัตกรรมครบวงจรแห่งแรกของไทย”

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

ทาง ศ.ดร.สุชัชวีร์ เล่าอีกว่า ในช่วงก่อนจะเริ่มก่อสร้างโรงพยาบาล คือราวต้นปี 2563 ตนเองมีโอกาสได้ไปพบกับผู้ว่ากรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมีโอกาศได้ไปเยี่ยมชมโรงพยาบาลของญี่ปุ่น และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นประสิทธิภาพของโรงพยาบาลที่นั่น จึงอยากที่จะก่อตั้งโรงพยาบาลที่คิดไว้ให้สำเร็จ แต่หลังกลับมาเมืองไทย ก็เจอกับวิกฤติโควิด-19 พอดี ซึ่งขณะนั้น ไทยเกิดวิกฤติขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยโควิด-19 ในฐานะที่เป็นอธิการบดี สจล. จึงระดมบุคลากรทั้งจากคณะแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะสถาปัตย์มาช่วยกันพัฒนาเครื่องมือทางการแพทย์ จนเกิดเป็นผลงานนวัตกรรม “เครื่องช่วยหายใจขนาดเล็ก” และ “เครื่องช่วยหายใจไฮโฟลว์” โดยใช้เงินบริจาคของคนไทยทั่วประเทศนำมาผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันนวัตกรรมดังกล่าวได้มีการแจกจ่ายไปทั่วประเทศรวมกันแล้วถึงกว่า 5,000 เครื่อง

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

“จากเหตุการณ์นั้นยิ่งรู้สึกว่าเรามาถูกทางแล้วที่จะสร้างโรงพยาบาล เพราะเรามีทั้งความพร้อม และศักยภาพ จึงมุ่งมั่นว่าจะต้องสร้างโรงพยาบาลนี้ให้สำเร็จ และต้องเป็นโรงพยาบาลวิจัยด้วย เพราะปัจจุบันไทยต้องเสียเงินให้ต่างชาติปีละหลายหมื่นล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์มาใช้ ซึ่งเรามองว่าหากแพทย์ของสามารถสร้างเครื่องมือได้เอง ไม่ใช่แค่ลดการสูญเสียเงินตราให้ต่างประเทศ แต่ยังได้เครื่องมือแพทย์ในราคาที่ถูกลงอีกด้วย” ศ.ดร.สุชัชวีร์ เล่าถึง “แนวคิด” ที่ว่านี้ จนนำไปสู่การเดินหน้าสร้างโรงพยาบาลดังกล่าว

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์ภาพจำลองมุมสูงอาคารโรงพยาบาล

นอกจากเป้าหมายการผลิตแพทย์และสร้างนักวิจัยเพื่อพัฒนาอุปกรณ์กับเครื่องมือทางการแพทย์แล้ว ศ.ดร.สุชัชวีร์ ยังย้ำว่า ตั้งใจให้โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลของรัฐที่ “สวยที่สุด-ทันสมัยที่สุด” ด้วย และอีกเรื่องที่ภูมิใจก็คือ การสร้างโรงพยาบาลนี้ยังเป็นการรวมตัวบรรดาศิษย์เก่าของ สจล. ในสาขาต่าง ๆ มาช่วยกันทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้เกิดขึ้นเป็นจริง และด้วยความที่เป็นการรวมตัวของคนเก่งและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ทำให้ทีมงานนี้ “เปรียบเสมือนกับทีมอเวนเจอร์ส”
อย่างไรก็ตาม แม้มุ่งมั่นที่จะ “สร้างโรงพยาบาลแห่งอนาคต” แห่งนี้ให้สำเร็จ แต่ ศ.ดร.สุชัชวีร์ ได้เล่าให้ฟังว่า การก่อสร้างมีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น นั่นก็คือ ขาดแคลนเงินสำหรับการก่อสร้าง จนนำมาสู่คำถามว่าแล้วจะทำยังไงดี? เพราะการสร้างโรงพยาบาลสักแห่งนั้น ต้องใช้เงินหลัก 1,000 ล้านบาท

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

“เราเริ่มต้นด้วยเงินที่มีแค่ 2 แสนบาท ที่บริจาคโดยมูลนิธิโรงเรียนสาธิตนานาชาติพระจอมเกล้าฯ เพื่อตั้งเป็นมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จากนั้นเราก็วิ่งหาเงินเข้ามาทุกทาง ตั้งแต่การทอดผ้าป่า สร้างพระให้เช่าบูชา ประมูลภาพศิลปะ แม้แต่ทำนาฬิกา Seiko รุ่น Limited ขึ้นเพื่อนำมาประมูล กับจัดงานอีเวนต์ทุกอย่างเพื่อขอรับบริจาคจากประชาชน นอกจากนี้ ตอนที่ผมเขียนหนังสือชื่อ “คิดต่างสร้างการเปลี่ยนแปลง” เราก็ได้เงินบริจาคมาสร้างโรงพยาบาลหลายล้านบาท นอกจากนั้นคุณแม่ของผมเองก็ได้นำเงินส่วนตัวมาบริจาคให้การสร้างโรงพยาบาลด้วย เรียกว่าช่วงนั้น เจอใคร ผมขอให้มาช่วยสร้างโรงพยาบาลหมด ทั้งเพื่อน ทั้งคนรู้จัก จนได้เงินมา 187.95 ล้านบาท” เป็นเส้นทางที่ยากลำบากของการสร้างโรงพยาบาลนี้ ที่ ศ.ดร.สุชัชวีร์ เล่าให้เราฟัง พร้อมกับกล่าวว่า ตอนนั้นต้องทำทุกทางเพื่อหาเงิน แต่แม้จะทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว สุดท้ายก็ได้เงินทุนไม่ได้ตามเป้าอยู่ดี

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์ศ.ดร.สุชัชวีร์ ต้อนรับคณะผู้บริหารเดลินิวส์ และนำเยี่ยมชมการก่อสร้าง

“แม้จะทำทุกวิถีทางแบบสุด ๆ แล้ว ก็ยังได้เงินไม่ครบตามเป้า แต่เราก็รอไม่ได้แล้ว เพราะในเมื่อทุกคนบริจาคมาแล้ว คนที่บริจาคก็คงอยากที่จะเห็นความก้าวหน้า เราจึงตัดสินใจเริ่มก่อสร้าง แม้เงินที่มีจะยังไม่ครบก็ตาม ตอนนั้นคิดไว้ในใจว่าจะสร้างไปเรื่อยๆ ทีละชั้น และเปิดให้บริการเท่าที่สร้างเสร็จไปก่อน แม้จะไม่สะดวกนัก แต่สถานการณ์แบบนี้ก็คงดีกว่ามารอให้ได้เงินครบแล้วค่อยก่อสร้าง เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าจะได้ครบเมื่อไหร่” ศ.ดร.สุชัชวีร์ ระบุ

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

อย่างไรก็ดี แต่ช่วงที่เริ่มก่อสร้างก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น เมื่อมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งซึ่งมีสามีเป็นเจ้าของบริษัท บางปะอินเสาเข็มคอนกรีต ได้ช่วย “บริจาคเสาเข็มให้ฟรี” พร้อมกับ “ช่วยตอกเสาเข็มให้ฟรีทุกต้น” เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินแล้วก็เป็นเงินสูงกว่า 40 ล้านบาท จนทำให้อาคารโรงพยาบาลเป็นรูปเป็นร่างขึ้น และเมื่อคนเริ่มเห็นว่าทำจริง ก็เริ่มมีเงินบริจาคเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และนอกจากนี้ก็ยังได้รับงบสนับสนุนในส่วนที่ยังขาดจากทาง สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 665.05 ล้านบาท จนได้งบก่อสร้าง “อาคารโรงพยาบาล” ตามเป้าในที่สุด

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์ศ.นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร

ขณะที่หนึ่งในคีย์แมนอีกท่านอย่าง ศ.นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ สจล. กล่าวเสริมว่า คณะแพทยศาสตร์ของ สจล.พยายามสร้างผลผลิตให้แตกต่างจากที่อื่น ๆ โดยนอกจากจะเน้นการให้ความรู้เรื่องแพทย์ทั่วไปแล้ว ยังต้องการสร้างนักวิจัยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้วย ทำให้นักศึกษาแพทย์ที่จบไปจากที่นี่แตกต่างจากโรงเรียนแพทย์ที่อื่น ๆ โดยทุกคนจะมีความสามารถด้านการวิจัยสูงมาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากต่อประเทศไทยในอนาคต เพราะอย่างที่เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นว่า แม้ประเทศไทยจะมีชื่อเสียงด้านบริการทางการแพทย์ แต่กลับไม่มีบทบาทด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเลย ทำให้ที่ผ่านมาประเทศไทยมีแต่ซื้อเข้า ด้วยเหตุนี้ สจล.จึงมองว่า เราควรมีบทบาทการเป็นผู้นำพัฒนาในด้านนี้ให้กับประเทศไทย

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

“เราหวังว่าบัณฑิตที่จบออกไปจากเราจะเป็นฟันเฟืองที่สำคัญต่องานด้านนวัตกรรมการแพทย์ของประเทศไทย และของโลกในอนาคต” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ สจล. ระบุ พร้อมกล่าวอีกว่า ถ้าโรงพยาบาลนี้แห่งก่อสร้างสำเร็จแล้ว เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบการแพทย์และของประเทศไทย โดยนักศึกษาแพทย์ทุกคนสามารถใช้ที่นี่เป็นแหล่งศึกษาเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะในด้านของการทำวิจัย อีกทั้งยังสามารถใช้ที่นี่เป็นพื้นที่ทดสอบนวัตกรรมได้อีกด้วย

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์ผู้บริหารเดลินิวส์ รับฟังบรรยายสรุป

“เราเชื่อเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต จึงส่งเสริมให้อาจารย์ก็ต้องพัฒนาตัวเองเช่นกัน เพราะมุ่งหวังว่า ที่นี่จะเป็นพื้นที่ที่อาจารย์ นักศึกษา บุคลากรใช้เป็นพื้นที่เรียนรู้ร่วมกัน หรือร่วมกันพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ต่าง ๆ” ศ.นพ.อนันต์ ระบุ พร้อมย้ำว่า ทุกคนที่มีส่วนร่วมผลักดันให้เกิดโรงพยาบาลนี้ตั้งใจว่า นอกจากที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลที่ช่วยเหลือประชาชนแล้ว ยังมุ่งหวังให้โรงพยาบาลนี้สร้างประโยชน์ด้านการวิจัยนวัตกรรมด้วย

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

“การสร้างโรงพยาบาลนี้ เราทำเพื่อเป็นอนุสรณ์การครบรอบ 60 ปี ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. ด้วย หรืออยากให้คนไทยมองว่า เราจะได้มอบของขวัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชนคนไทย ก็คงจะพูดได้”

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์รศ.นพ.ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์

ทั้งนี้ ในช่วงสุดท้ายของการนำ คณะผู้บริหารเดลินิวส์ และ กองบรรณาธิการเดลนิวส์ เยี่ยมชมติดตามดูความคืบหน้าการก่อสร้าง โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร หรือ “KMCH” ทาง รศ.นพ.ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ได้ทิ้งท้ายว่า “โรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่ได้ต้องการที่จะแข่งขันกับใคร แต่มุ่งเน้นที่จะศึกษาวิจัย และพัฒนานวัตกรรมการแพทย์ ที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้จากที่บ้าน (Home-based Care) เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนพยายามส่งเสริมให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีสุขภาพ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดูแลสุขภาพของตนเองเบื้องต้นได้ดี มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการรักษาผู้ป่วย เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยให้…ประเทศชาติขาดดุลน้อยลง.

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

‘สร้างโรงพยาบาล’ เท่ากับ ‘ให้ชีวิต’

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

ในฐานะประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารฯ ทาง ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ปัจจุบันการก่อสร้างอาคารของโรงพยาบาลแห่งนี้ใกล้จะเสร็จแล้ว ซึ่งคิดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2567 อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้จะได้เงินบริจาคและเงินสนับสนุนในการก่อสร้างอาคารแล้ว แต่ก็ยังขาดเงินทุนในการดำเนินการในส่วนอื่น ๆ อยู่อีกมาก และที่สำคัญ ศ.ดร.สุชัชวีร์ ย้ำว่า ตอนนี้ลมหายใจของโครงการนี้เริ่มใกล้หมดแล้ว แต่โรงพยาบาลยังต้องการงบเพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เป็นจำนวนมาก จึงต้อง “พึ่งพิงผู้มีจิตศรัทธา” เพื่อ “ร่วมสร้างโรงพยาบาล” แห่งนี้ โดยผู้ต้องการสมบทบทุนสามารถบริจาคที่ มูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 693-0-32393-4

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

“ไม่มีอะไรได้บุญที่สุด เท่ากับให้ชีวิตคน จึงอยากขอให้ทุกคนมาช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลง เพราะไม่ใช่แค่บริจาคเพื่อสร้างโรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านการแพทย์ด้วยครับ” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว.

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์

บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน

ภารกิจเพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลแห่งอนาคตเปิดใจคีย์แมนทีมอเวนเจอร์สสจลยังขาดปัจจัยรอคนไทยใจบุญมาช่วยเหลือเดลินิวส์