การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรู ช่วงหลังเลือกตั้งเดือน พ.ค. 66 มีข่าว พรรคเพื่อไทย (พท.) จะจับมือ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่มี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค แต่ในที่สุดก็ไปไม่ถึงฝัน เพราะพรรคสีส้มมีนโยบายในการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ทำให้พรรค พท. ต้องหันมาจับมือกับกลุ่มขั้วอำนาจเดิม และต่อมาพรรค ก.ก. ก็ต้องเผชิญวิบากกรรม ศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) มีมติยุบพรรค ก.ก. เนื่องจากมีพฤติกรรมเซาะกร่อนบ่อนทำลายการ หากปล่อยให้ดำเนินการต่อไป อาจจะส่งผลนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกับการแก้ไขกฎหมายที่มีไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองสถาบัน จากนั้นก็มาขับเคลื่อนในนาม พรรคประชาชน (ปชน.) โดยมี “เท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ รับหน้าที่หัวหน้าพรรค ทำหน้าที่เป็นแกนนำพรรคฝ่าย มีหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร แต่ที่ผ่านมาก็ถูกวิจารณ์จากหลายฝ่าย เหมือนชกไม่เต็มที่

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

นอกจากนี้ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือน พ.ค. 66 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ซึ่งยังมีบทบาทในพรรค ปชน. เดินทางไปพบกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งมีบารมีเหนือพรรค พท. รวมทั้ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็เป็นหลาน นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตคนติดตามนายทักษิณ เลยอาจทำให้การตรวจสอบฝ่ายบริหารของแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ทำงานไม่เต็มที่ แต่ระยะหลัง พอผลสำรวจโพลงบางสำนักระบุว่า คะแนนนิยม นายณัฐพงษ์ ลดต่ำลงอย่างน่าใจหาย เช่นเดียวกับพรรค ปชน. เลยอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้แกนนำพรรคฝ่ายค้านต้องปรับท่าทีใหม่ เริ่มจาก นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ออกมาตรวจสอบนายทักษิณ พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

หรือการช่วงชิงเก้าอี้ผู้นำท้องถิ่นอย่าง นายกองค์การบริหารจังหวัด (อบจ.) หลังพรรค ปชน. ต้องประสบความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง แต่ที่ต้องจับตามอง คือ การเลือกตั้งนายก อบจ.อุดรธานี ที่ทั้งพรรค พท. และพรรค ปชน. ให้การสนับสนุนผู้สมัครที่ลงชิงชัยในครั้งนี้ โดยพรรคหนุน นายศราวุธ เพชรพนมพร ส่วนพรรค ปชน. ส่ง นายคณิศร คุริรัง เพราะผู้มากบารมีของทั้งสองพรรค นายทักษิณ และ นายพิธา วางกำหนดการในการลงพื้นที่ ช่วยผู้สมัครหาเสียง

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

ที่น่าสังเกต คือ ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ หลังจากห่างหายไปนาน โดยในวันที่ 13-14 พ.ย. จะลงพื้นที่ไปช่วยนายศราวุธ ในฐานะผู้สมัคร นายก อบจ.อุดรธานี ในนามพรรค พท. หาเสียงเลือกตั้ง โดยวันที่ 13 พ.ย. เวลา 17.30 น. พบปะพี่น้องประชาชน อ.กุมภวาปี อ.ประจักษ์ อ.ศรีธาตุ อ.หนองหาน (บางส่วน) รวมประมาณ 10,000 คน ส่วนวันที่ 14 พ.ย. เวลา 09.30 น. เดินทางถึงบริเวณทุ่งศรีเมืองบ้านดุง ปราศรัยกับพี่น้องชาว อ.บ้านดุง อ.ทุ่งฝน มวลชนประมาณ 8,000-10,000 คน จากนั้น เวลา 15.30-16.30 น. พบปะพ่อค้านักธุรกิจ ผู้นำท้องถิ่นใน จ.อุดรธานี และเวลา 17.30 น. ปราศรัยกับประชาชน อ.เมือง อ.หนองวัวซอ (บางส่วน) อ.หนองหาน (บางส่วน) มวลชน 20,000-25,000 คน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ส่วนพรรค ปชน. ประเมินว่า ในช่วงโค้งสุดท้าย การหาเสียงจะเป็นไปด้วยความดุเดือด เนื่องจากเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของภาคอีสาน ที่พรรคเคยทุ่มสรรพกำลังมาลงหลายครั้ง ในทุกๆ เวที โดยสับเปลี่ยนแกนนำพรรค และผู้ช่วยหาเสียงลงพื้นที่ เช่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค , น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค , นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค , นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

แต่มีไฮไลท์อยู่ที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก. ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ที่จะบินกลับมาจากสหรัฐฯ เพื่อช่วยหาเสียงในโค้งสุดท้าย วันที่ 15-17 พ.ย.นี้ ต้องถือว่าสนามเลือกตั้งชิงเก้าอี้นายก อบจ.อุดรธานี ถือเป็นการวัดพลังสองผู้นำที่มากบารมี แม้จะอยู่ในช่วงต่างยุคก็ตาม แต่ก็ยังมีบทบาทสำคัญในพรรคที่เคยสังกัด

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

ขณะที่ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ที่มี นายรังสิมันตร์ โรม เป็นประธานฯ ก็เดินหน้าสอบปมกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่ แม้จะถูกตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมพึ่งมาตรวจสอบในช่วงนี้ โดยมีการเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริง แต่ที่น่าสังเกตคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ไม่ได้มาชี้แจงต่อ กมธ. ตามที่มีหนังสือเชิญไป

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

โดย นายรังสิมันต์ โรม กล่าวภายหลังการประชุม กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯว่า หลังจากเราไล่ไทม์ไลน์ทั้งหมด ระยะเวลาตั้งแต่นายทักษิณ ไปถึงสถานพยาบาล และพยาบาลได้ปรึกษาแพทย์ราชทัณฑ์ แล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตำรวจ จากข้อมูลที่ได้รับใช้เวลาเพียง 21 นาทีเท่านั้น หากตรวจดูจากกูเกิ้ลแมพ ดูระยะเวลาการส่งตัว ใช้เพียง 17 นาทีเท่านั้น หมายความว่าระยะเวลาในการวินิจฉัย มีแค่เพียง 4 นาที ถือเป็นการทำเวลาได้รวดเร็วมาก กมธ.ฯ ก็พยายามตรวจสอบหารายชื่อแพทย์เจ้าของไข้นายทักษิณ แต่ไม่ได้รับคำตอบเลย จนไม่แน่ใจว่าการที่นายทักษิณ รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นการตัดสินใจของใคร ถ้าไม่ได้ข้อยุติ นายทักษิณ อาจจะเกี่ยวข้องกับการแสดงบทบาทบางอย่าง เพื่อทำให้เกิดการหลงเชื่อว่าตัวเองเจ็บป่วย การที่นายทักษิณ ไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ ไม่แน่ใจว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เราได้รับข้อมูลจากเลขานุการ กมธ. ว่าการที่ นายทักษิณ ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจห้องพิเศษ มีค่าใช้จ่าย จำนวน 8,500 บาท เบ็ดเสร็จรวมแล้วอาจมีค่าใช้จ่ายถึง 1 ล้านบาท จึงมีคำถามต่อมาว่าตกลงใครเป็นคนจ่าย ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ เวชระเบียน ข้อมูลการรักษา ถามใครก็ไม่มีใครตอบได้ ทั้งหมดนี้ทำให้ข้อเท็จจริงหลายอย่าง ไม่ปรากฏชัดเจนต่อกมธ.ฯ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเรื่องนี้น่าสงสัย มีพิรุธ ตั้งแต่ตนทำงานเป็นประธาน กมธ.ฯ มา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้รับความร่วมมือน้อยที่สุดจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานราชการไม่อยากบอกอะไรกับเราเลย ทำให้ข้อสงสัยของสังคมเรื่องชั้น 14 ยังคงอยู่ต่อไป ยืนยันเป็นกรณีที่พิศวง ยังไม่มีที่สิ้นสุดที่เราจะต้องแสวงหาข้อมูลต่อไป

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยืนยันว่าเรื่องนี้กระทบกับความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรมของไทย มีฝ่ายต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้องและไม่สามารถสืบหาความจริงได้ ถ้าทุกฝ่ายมาให้ข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับตนเอง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ อยากให้เข้ามาชี้แจง รวมถึงตอบคำถามของคณะ กมธ. เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวเองจากคำครหา หรือแม้แต่ในทางกฎหมายด้วย การพิจารณาวางไว้ 2 ประเด็นหลัก นายทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่ ส่วนประเด็นต่อมาการไปพบปะกับผู้คนต่างๆ เพราะการอยู่ชั้น 14 หมายถึงการอยู่เพื่อควบคุมตัว อยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ อย่างกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปพบนายทักษิณที่ชั้น 14 ก็เห็นว่ายังไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เลย กมธ.ก็ต้องเอาข้อเท็จจริงออกมา

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

ขณะที่ระหว่างการประชุม กมธ.ความมั่นแห่งรัฐฯ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ถามว่า การอนุญาตให้ นายทักษิณ รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นเวลานาน ใครคือผู้ให้ความเห็น ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ วาณิช ที่ปรึกษา กมธ. ซักถามว่า การพักรักษาตัวที่ชั้น 14 ของนายทักษิณ มีค่าห้องและค่ารักษาพยาบาลเท่าใด ใครออกค่าใช้จ่าย ให้แสดงหลักฐาน อย่างไรก็ตามระหว่างที่ กมธ. รุมซักถามนั้น นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. ในฐานะที่ปรึกษา กมธ. เบรกการซักถามเป็นระยะๆ โดยกล่าวว่า การซักถามเรื่องหลักเกณฑ์ต่างๆ ไม่มีอะไรคืบหน้า คนมาชี้แจงก็ต้องตอบไปตามหลักการ คำถามวนไปมา ไม่น่าฟัง ถามถึงแต่ภาพถ่าย ภาพวงจรปิด ควรถามว่า การพักชั้น 14 เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

ต้องรอดูบทสรุปของ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ จะได้ข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแม้จะไม่สามารถชี้ผิดชี้ถูกได้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่สร้างแรงกดดันทางการเมืองได้มากพอสมควร ซึ่งในส่วนขององค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ตรวจสอบเรื่องนี้อยู่

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

ส่วนปัญหาเอ็มโอยู 44 ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ประเทศไทยทำไว้กับกัมพูชานั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาเปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ได้ให้นโยบายกำชับกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และสส.พรรคทุกคน ให้ร่วมแรงร่วมใจกัน ดำเนินนโยบายยกเลิกเอ็มโอยู 44 ให้ได้ เพื่อปกป้องเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร (16 ล้านไร่) และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ มูลค่า 20 ล้านล้านบาทของไทยในทะเลอ่าวไทยที่เป็นของไทยทั้งหมดตามกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ ถึงแม้พล.อ.ประวิตร จะเคยเป็นประธานคณะเจรจาฯ ตามกรอบเอ็มโอยู 44 แต่ขณะนั้นไม่ทราบมาก่อนว่า เอ็มโอยู 44 จะมีปัญหาทางกฎหมาย จนกระทั่งในเดือน มิ.ย. 67 ได้เรียนให้ทราบว่าใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) เพราะพบว่าเอ็มโอยู 44 มีปัญหาสำคัญทางกฎหมายอย่างน้อย 2 ประการ

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

1.การที่ฝ่ายกัมพูชา ลากเส้นไหล่ทวีปของประเทศกัมพูชาเริ่มจากหลักหมุดที่ 73 จุดแบ่งดินแดนทางบกของไทย-กัมพูชา ลากเส้นไหล่ทวีปตัดตรงมาทางทิศตะวันตกผ่านกลางเกาะกูด ที่เป็นดินแดนของไทย ตัดเส้นตรงเลยเกาะกูด ไปทางอ่าวไทยตอนใน การกระทำของฝ่ายกัมพูชาเป็นการลากเส้นไหล่ทวีปที่ผิดกฎหมายทะเลระหว่างประเทศอย่างสิ้นเชิง 2.พบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายว่าเอ็มโอยู มีสถานะเป็นหนังสือสัญญา มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือเขตอำนาจแห่งรัฐ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ตามบรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาล รธน. ที่ 11/2542 คำวินิจฉัยที่ 33 /2543 และคำวินิจฉัยที่ 6-7/2551 เมื่อเอ็มโอยู 44 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาจึงต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภาตาม รธน. ปี 2540

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

ดังนั้นเมื่อเอ็มโอยู 44 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาที่ทำขึ้น โดยขัด รธน. ก็เป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้ การที่รัฐบาลปัจจุบันหากนำเอ็มโอยู 4 4 ไปดำเนินการแบ่งทรัพยากรพลังงานธรรมชาติทางทะเลให้กับกัมพูชาต่อไป ทั้งที่รู้หรือควรรู้ว่าอาจจะขัด รธน. มีข้อควรระวังว่า อาจถูกฟ้องไปว่าเข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืน รธน. นายไพบูลย์ กล่าว

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

เรื่องเอ็มโอยู 44 คงไม่จบง่ายๆ แม้รัฐบาลและกระทรวงต่างประเทศ ยืนยันว่าเป็นประโยชน์ ช่วยเป็นกรอบเจรจาของสองประเทศ ซึ่งในที่สุดหากรัฐบาลนำไปใช้ประโยชน์ในการเจรจา ต้องมีคนบางกลุ่มนำเรื่องไปยื่นให้องค์กรอิสระตรวจสอบแน่.

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์

ทีมข่าวการเมือง

ร้อนแรงวัดบารมีทักษิณพิธาช่วยลุยหาเสียงนายกอบจอุดรฯเดลินิวส์