【กดรับเอง】บทเพลงเป็นคีตศิลป์ จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา THE STANDARD

ตุลาคม 2567 เป็นเดือนครบรอบ 2 เหตุการณ์สำคัญของการเมืองไทย คือ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ครบรอบ 51 ปี ของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ครบรอบ 48 ปี ของเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพลงเป็นงานประพันธ์ดุจเดียวกับบทกวี ที่จำกัดการใช้ถ้อยคำให้กระชับ สั้น แต่ได้ใจความ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

จะเขียนเพลงให้ยาว 3 หน้ากระดาษ A4 เหมือนเขียนบทความนั้นหาได้ไม่ มันยาวเกินไป แม้เขียนออกมาก็ไม่มีใครอ่าน ไม่มีใครสนใจที่จะนำไปร้อง ไปบรรเลง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพลงจึงต้องใช้ตัวหนังสือไม่มาก เขียนอย่างกระชับสั้น เรียบเรียงด้วยภาษากวี ใส่ทำนองที่นวลเนียนไปกับเนื้อหา ก็สามารถสื่อและทำความเข้าใจ ขณะเดียวกันก็มีพลังสร้างสรรค์และสั่นสะเทือนอารมณ์

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

Screenshot

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 นั้น การยึดอำนาจของจอมพล ถนอม กิตติขจร ที่ยกเลิกรัฐบาลเลือกตั้งของตนเองเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2514 นำประเทศไทยเข้าสู่เผด็จการเต็มรูปแบบอีกครั้ง ในขณะที่บ้านเมืองมีปัญหาเศรษฐกิจถึงขั้นประชาชนต้องเข้าคิวซื้อข้าวสาร ในทางการเมืองก็ถูกจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก ด้วยประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 4 ซึ่งประชาชนชุมนุม 5 คน ก็ผิดกฎหมายแล้ว คนอีสานใช้คำเปรียบเทียบบรรยากาศเช่นนี้ว่า ‘ปากบ่ได้ ไอบ่ดัง’

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลายุคก่อน 14 ตุลาคม 2516

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เมื่อเกิดกรณีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ของทหาร มีการเปิดโปงฐานทัพสหรัฐอเมริกา 8 แห่ง ซึ่งใช้เป็นฐานของเครื่องบินทิ้งระเบิดในประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เกิดการลบชื่อนักศึกษา 9 คนออกจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะจัดพิมพ์วารสารที่มีถ้อยคำแสลงใจรัฐบาล, การเดินขบวนต้านทุจริตในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, การต่อต้านสินค้าญี่ปุ่น, การรณรงค์ใช้ผ้าดิบ ฯลฯ ท่ามกลางบรรยากาศเผด็จการ เป็นความตื่นตัวของเยาวชนคนหนุ่มสาว ที่สะท้อนภาพได้ด้วยบทกวี และบทเพลง ‘ดอกไม้’ ของจิระนันท์ พิตรปรีชา นิสิตจากจุฬาฯ เมื่อปี 2516 ว่า

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

บริสุทธิ์กล้าหาญ จะบานในใจ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

สีขาว หนุ่มสาวจะใฝ่

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

แน่วแน่แก้ไข จุดไฟศรัทธา ”

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

บทกวีอันไพเราะและกินใจ ทำให้ วีรพจน์ ลือประสิทธิ์สกุล นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ หัวหน้าวงดนตรีรุ่งอรุณของจุฬาฯ นำไปใส่ทำนองแบบง่ายๆ ที่นักร้องดังนำไปขับร้องกันแพร่หลาย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ความหมายที่ลึกซึ้ง มีลักษณะเป็นตัวแทนแห่งยุคสมัย เป็นดอกไม้บานในใจคนหนุ่มสาวที่ลุกขึ้นต่อสู้กับเผด็จการ และเพรียกหาประชาธิปไตยในเวลาต่อมา

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลายุค 14 ตุลาคม 2516

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

การชุมนุมของนักศึกษาและประชาชนที่ปักหลักอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2516 เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อย 13 กบฏเรียกร้องรัฐธรรมนูญอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่รัฐบาลกลับไม่ไยดี ซ้ำออกข่าวให้ร้ายผู้ชุมนุมอีก ทำให้มีการเคลื่อนขบวนคนนับแสนจากสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ออกมานอกรั้วมหาวิทยาลัยสู่ถนนราชดำเนินในวันที่ 13 ตุลาคม 2516 ในเวลา 12.15 น.

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

จำนวนคนนับแสนจากธรรมศาสตร์ และประชาชนที่เข้ามาสมทบระหว่างทางอีก รวมแล้วประมาณว่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ภาพการเคลื่อนขบวนที่แถวหน้าสุดเป็นนักเรียนอาชีวะที่พร้อมเผชิญกับระเบิด, ห่ากระสุน และแก๊สน้ำตา ตามด้วยขบวนแถวของนักศึกษาหญิงที่ถือธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตามด้วยมวลนักศึกษาและประชาชนที่เบียดเสียดกันเต็มพื้นที่ถนนราชดำเนินตลอดสายนั้นช่างอาจหาญงามสง่า จนกลายเป็นคำประพันธ์เพลง ‘หนุ่มสาวเสรี’ โดยใช้ทำนองเพลงไทยเดิมชื่อ ‘ลาวเฉียง’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ตับลาวเจริญศรี’

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

Screenshot

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพลงหนุ่มสาวเสรี

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“(เกริ่น-แอ่วเคล้าซอ)

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ครานั้นนิสิตนักศึกษา

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

บรรดานักเรียนทั้งเหนือใต้

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

สามัคคีประชาชนทั่วไป

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ลุกฮือขับไล่ทรชน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“(ลาวเฉียง)

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

คึกคักหนักแน่นดังแผ่นผา

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

กลมเกลียวแกล้วกล้าสดใส

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ฟันเฟือง ฟาดฟันบรรลัย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

กนกห้าสิบให้ชีวิตพลี

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“(สร้อย)

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เจ้าหนุ่มสาวเอย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เจ้าเคยแล้วหรือยัง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ตายเพื่อสร้าง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ตายเพื่อสร้างเสรี

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

มือเปล่าตีนเปล่าก้าวหน้า

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ยอมให้เข่นฆ่าไปเป็นผี

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ถือหลักศักดิ์สิทธิ์เสรี

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

พูดกันดีดีแล้วตั้งนาน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“(สร้อย)

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

กดขี่ข่มเหงคะเนงร้าย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เผด็จการก้าวก่ายเสียทุกด้าน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ชาวนาเป็นศพกบดาน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ชาวบ้านเป็นซากยากจน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“(สร้อย)

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

มือเปล่าตีนเปล่าห้าวหาญ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

แกว่งกระบองคลุกคลานกลางถนน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

นี่คือพลังของประชาชน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ทุกคนสืบเลือดบางระจัน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“(สร้อย)

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

มาเถิดมาสร้างเมืองใหม่

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

สร้างประเทศเราให้เป็นสวรรค์

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ใครมาข่มเหงรังแกกัน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ประชาชนเท่านั้นลุกฮือเอย (สร้อย)”

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ผลงานเพลง หนุ่มสาวเสรี ของวงต้นกล้า คำร้องของ สุจิตต์ วงษ์เทศ โดยมี รังสิต จงฌานสิทโธ เป็นนักร้อง ประกอบวงด้วย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, อานันท์ หาญพาณิชย์พันธ์, นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ ฯลฯ ทำให้เพลงนี้บรรยายภาพคลื่นมหาประชาชนที่เคลื่อนขบวนอย่างห้าวหาญและสง่างาม เสียงระนาด, ขลุ่ย และซอ ที่ผสานด้วยทำนองเพลงอันรุกเร้าใจ จึงกลายเป็นบทเพลงแห่งประวัติศาสตร์อีกเพลงหนึ่งที่จารึกวีรกรรมนักศึกษาและประชาชนอย่างเฉพาะเจาะจงบนท้องถนนในวันนั้น ที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกเสมือนหนึ่งได้ร่วมบรรยากาศในเหตุการณ์ด้วย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลายุค 6 ตุลาคม 2519

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

บรรยากาศประชาธิปไตยที่เปิดกว้างให้แก่การใช้สิทธิเสรีภาพ หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เกิดพลังผลักดันสำคัญทำให้รัฐธรรมนูญ 2517 มีการบัญญัติรองรับการรวมกลุ่มของผู้ใช้แรงงาน และบทบัญญัติให้รัฐต้องจัดบริการด้านสาธารณสุขให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง และเสียค่าใช้จ่ายน้อย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ในขณะที่กรรมกร, ชาวนา และนิสิต นักศึกษา ผนึกเป็นพลังสามประสาน ต่อสู้เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้เสียเปรียบในสังคม และต่อต้านการมีฐานทัพอเมริกาในประเทศไทย ที่คุกคามประเทศเพื่อนบ้าน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

การเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายประชาชนกับชนชั้นนำในครั้งนั้นจบลงด้วยการจับกุมและสังหารหมู่นักศึกษาและประชาชน ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่สนามหลวง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพลง ‘จากภูพานถึงลานโพธิ์’ เป็นบทกวีของ วัฒน์ วรรลยางกูร ที่เตลิดเข้าป่าหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เขาเขียนบทกวีนี้ในเขตจรยุทธที่อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เมื่อสุรสีห์ ผาธรรม ศิลปินนักสร้างหนังเรื่อง ‘ครูบ้านนอก’ เดินทางขึ้นภูพานไปสมทบ พอได้อ่านบทกวีนี้ เขาฮัมขึ้นมาเป็นทำนองเพลง กลายเป็นความลงตัวที่วงดนตรี 66 ของหน่วยศิลป์ในป่าเรียบเรียงเสียงประสานขึ้นมาอย่างมีพลัง โดยมี สหายฟา ยาดำ หรือชื่อจริง สรรเสริญ ยงสูงเนิน เป็นผู้ร้อง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพลงจากภูพานถึงลานโพธิ์

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“ดินสอโดมธรรมศาสตร์เด่นสู้ศึก

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ได้จารึกหนีเลือดอันเดือดดับ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

6 ตุลาเพื่อนเราล่วงลับ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

มันแค้นคับเดือดระอุอกคุไฟ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เรามีเพียงมือเปล่ามันล้อมกราด

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ระเบิดบาปกระสุนบ้ามาสาดใส่

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เสียงเหมือนแตรงานศพซบสิ้นใจ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

สนามหญ้าเคล้ากลิ่นไอคาวเลือดคน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

มันตามจับตามฆ่าล่าถึงบ้าน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เข้าประหารจับเข้าคุกทุกแห่งหน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เราอดทนถึงที่สุดก็สุดทน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

จึงเปลี่ยนหนทางสู้ขึ้นภูพาน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“อ้อมอกภูพานคือชีวิตใหม่

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

คือมหาวิทยาลัยคนกล้าหาญ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

จะโค่นล้มไล่เฉดเผด็จการ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

อันธพาลอเมริกาอย่าหวังครอง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

สู้กับปืนต้องมีปืนยืนกระหน่ำ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

พรรคชี้นำตะวันแดงสาดแสงส่อง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

จรยุทธนำประชาสู่ฟ้าทอง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

กรรมาชีพลั่นกลองอย่างเกรียงไกร

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“ในวันนี้ลานโพธิ์ธรรมศาสตร์อาจเงียบหงอย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ก็เพียงเพื่อรอคอยสู่วันใหม่

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

วันกองทัพประชาชนประกาศชัย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

จะกลับไปกรีดเลือดพาลล้างลานโพธิ์”

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพลงจากภูพานถึงลานโพธิ์ เป็นเส้นแบ่งประวัติศาสตร์ที่จารึกว่าการสังหารโหด 6 ตุลาคม 2519 นำไปสู่การเคลื่อนขบวนนักศึกษาและเยาวชนจากเมืองเข้าสู่เขตป่าเขาที่ต่อต้านอำนาจรัฐ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

Screenshot

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลายุคคืนรัง

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ชูเกียรติ ฉาไธสง บันทึกไว้ในหนังสือ กำเนิดในยามพระเจ้าหลับไหล เส้นทางและวิถีของ ‘หงา คาราวาน’ ตำนานมีชีวิต ว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2525 ในงาน CONCERT FOR UNICEF หงาและเพื่อนร่วมวงเตรียมพร้อมอยู่หลังผ้าม่านผืนใหญ่บนเวทีหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อันเป็นเสมือนบ้านเก่าของพวกเขา ขณะที่พิธีกรสาวชื่อดัง จันทรา ชัยนาม กล่าวเชิญชวน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“ขอเชิญพบกับวงคาราวานค่ะ”

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

คนดูแน่นขนัดล้นหอประชุม ปรบมือกระหึ่ม ต้อนรับการคืนสู่เวทีธรรมศาสตร์อย่างอบอุ่น ม่านค่อยๆ รูดเปิดออก แสงสปอตไลท์ต์สาดลงมาจนนัยน์ตาพร่าไปชั่วขณะ แล้วพยางค์แรกในมือหงาก็กรีดกังวาน ตามด้วยเสียงร้อง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“โอ้ยอดรัก ฉันกลับมาจากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

จากโคนรุ้งที่เนินไศล

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

จากใบไม้หลากสีสัน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง ”

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพียงท่อนแรกของเพลง ด้วยสุ้มเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนจำได้ สะกดให้ผู้คนในหอประชุมสะอื้น ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ลองคิดดูเถิดว่าสี่สหายที่พวกเขาคุ้นเคยแห่งวงดนตรี ท.เสนและสัญจร หรือชื่อ คาราวาน ในเวลาต่อมา ได้แก่

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลาหงา-สุรชัย จันทิมาธร กีตาร์ และร้องนำหว่อง-มงคล อุทก พิณ, ฮาร์โมนิกา และโหวดอืด-ทองกราน ทานา ไวโอลิน, กีตาร์ และกลองแดง-วีระศักดิ์ สุนทรศรี กีตาร์

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ทั้ง 4 คนที่ประกอบวงกันมาแต่แรกเริ่มเข้าป่าและคืนเมืองมากันครบ ไม่มีใครตกหล่น หลังจากที่ห่างหายจากเมืองไปนานกว่า 5 ปี ได้มาร่วมวงกันใหม่ในแบบอะคูสติก เปิดแสดงสดเพลง ‘คืนรัง’ โดยไม่ได้เข้าห้องอัดเสียงมาก่อน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“ฝากชีวิตให้เธอเก็บไว้

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ฝากดวงใจให้นอนแนบรัง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ฝากดวงตาและความมุ่งหวัง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

อย่าชิงชังฉันเลยยอดรัก”

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ลีลาเพลงที่หวาน เศร้า และพลิ้วไหว อ้อยสร้อยด้วยเสียงไวโอลินของทองกราน ประสานกับเสียงพิณอันเสนาะเหมือนอยู่ในบรรยากาศแห่งพงไพร เสียงพร่ำถึงอดีตที่ฝากชีวิต ฝากดวงใจ ฝากดวงตา ยิ่งชวนให้ทุกคนในห้องประชุมสะเทือนใจ

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

“นานมาแล้วเราจากกัน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

โอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัก

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ดั่งทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ดั่งภูสูงที่สูงสุดสอย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ดังชีวาที่เคยล่องลอย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เจ้านกน้อยโผคืนสู่รัง

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง ”

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

ท่วงทำนองและเนื้อหาเพลงคืนรังในค่ำวันนั้นเป็นตัวแทนอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด ของอดีตสหายในหอประชุมวันนั้น เป็นประสบการณ์แห่งอารมณ์ห่วงหาอาทร เป็นชะตากรรมร่วมที่อดีตสหายล้วนผ่านพบมาด้วยกัน

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพลงคืนรังจึงเป็นปากคำประวัติศาสตร์แห่งยุคสมัยที่สะท้อนกระแสจากป่าคืนเมืองของนักศึกษาและประชาชนในช่วงปี 2524-2526 ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 ลงนามโดย พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ต้องการใช้นโยบายการเมืองนำทหาร หลังจากที่นักศึกษาและประชาชนกว่า 3,000 คน เดินทางเข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

มันไม่เพียงก่อเกิดพลังร่วมทางอารมณ์เท่านั้น แต่เพลงคืนรังเป็นปากคำประวัติศาสตร์ของสังคมไทย ที่จารึกว่าในยุคหนึ่งนั้นเรามีบทเรียนร่วมกันว่าความไม่เป็นธรรมและการข่มเหงรังแกนำไปสู่การต่อสู้อย่างรุนแรง และยังได้บทเรียนบทต่อมาอีกว่า สำหรับสังคมไทยแล้ว การต่อสู้แบบเลือดต้องล้างด้วยเลือดเป็นหนทางที่นำไปสู่ความพ่ายแพ้ด้วยกันทุกฝ่าย ความเชื่อต่อลัทธิ-อุดมการณ์ทางการเมือง ทำให้เกิดความแตกร้าวมากกว่าจะเกิดสันติธรรม

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

 

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

การแบ่งขั้วแยกข้างแล้วใส่ฟืนเติมไฟลงไป จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม มีแต่จะทำให้สังคมแตกร้าวกันหนักหน่วงยิ่งขึ้น

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลา

เพลงคืนรังอาจน้อมนำให้สังคมไทยช่วยกันคิดหรือไม่ว่า ขนาดสงครามประชาชนที่ต่อสู้กันมาแบบถึงเลือดถึงเนื้ออย่างยืดเยื้อยาวนานเกือบ 20 ปีนั้น ยังสามารถยุติได้โดยไม่ต้องเจรจาหยุดยิง ไม่ต้องมีใครมาทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย และไม่ต้องทำสัญญาสงบศึก นี่คือคุณสมบัติสุดแสนจะวิเศษของสังคมไทยโดยแท้

บทเพลงเป็นคีตศิลป์จารึกประวัติศาสตร์คนเดือนตุลาTAGS: การเมืองไทย