【อาร์เจนติน่าคัพ】มายาคติ! ชายข่มขืน ‘หื่นหลงยุค’ ที่จริงคือ..มีปมด้อย | เดลินิวส์

ทั้งนี้ เหตุร้าย ๆ อย่างการ “ละเมิดทางเพศ ข่มขืน” ที่ผู้ก่อเหตุเป็นชาย เหยื่อที่ถูกก่อเหตุเป็นหญิง ยุคนี้ในไทยก็ “ยังคงเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

ที่ยังเกิดมีทั้งกรณี “ข่มขืนหญิงสาว”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

ที่ “ยิ่งเลวร้าย” คือ “ข่มขืนเด็กหญิง”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

นี่สะท้อนถึงกรณี “ชายหื่นหลงยุค!!”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

เกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้จะเป็นเรื่องเดิม ๆ แต่จากการที่ “ในไทยยังคงเกิดคดีข่มขืนไม่หยุดหย่อน” ดังนั้นเรื่องนี้ก็น่าจะได้พินิจเน้น ๆ กันอีก กับแง่มุมเชิงวิชาการ-แง่มุมเชิงสังคม ทั้งนี้ ประเด็นที่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” อยากชวนสังคมไทยย้อนพินิจวันนี้ หลักใหญ่ใจความคือ “ยังมีผู้กระทำที่เป็นกลุ่มที่มีปมด้อย ที่ต้องการแสดงออกถึงความมีอำนาจ ทำให้ยังมีผู้หญิงหรือเด็กหญิงตกเป็นเหยื่อคนกลุ่มนี้อยู่เป็นประจำ” ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สะท้อนสู่สังคมไทยไว้โดย ผศ.ดร.อรพิน สถิรมน นักวิชาการภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กับกรณี “ลวนลาม-ละเมิดทางเพศ-ข่มขืน” ที่

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

มี “ภัยร้าย” แบบนี้เกิดในไทยไม่หยุด!!

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

การที่คนเพศชายบางคน “ต้องการแสดงออกถึงความมีอำนาจ” แล้วก็ “เป็นปัจจัยก่อภัยร้ายทางเพศต่อเพศหญิง” นั้นกับเรื่องแย่ ๆ เรื่องร้าย ๆ แบบนี้ ในไทยยุคนี้ ที่เป็นยุคสิทธิเท่าเทียมทางเพศแล้ว นี่เป็น “มายาคติร้ายเชิงอำนาจที่น่าคิด น่าช่วยกันลบล้าง”ซึ่งทาง ผศ.ดร.อรพิน นักวิชาการภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังได้เคยสะท้อนประเด็นนี้ไว้อีก บางช่วงบางตอนว่า เพศชายที่กระทำความผิด “ข่มขืน” หรือ “ใช้ความรุนแรงทางเพศกับเพศหญิง” ทั้งกับเหยื่อที่เป็นคนรู้จักและที่ไม่รู้จักมาก่อน ผู้ก่อเหตุไม่ได้มีเพียงคนที่ป่วยทางจิต แต่ยังพบในคนที่ “ไม่ได้ป่วยทางจิต” แต่ต้องการแสดงออกแบบเลวร้ายเช่นนี้ โดยจะมีความสุขทางเพศ เมื่อได้ใช้ความรุนแรงกับคนอื่น

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

คนแบบนี้ เป็น “คนอันตราย!!”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

และเกี่ยวกับประเด็น “อำนาจ” ที่ยึดโยงกรณี “ลวนลาม-ละเมิดทางเพศ-ข่มขืน” นี่ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ก็อยากชวนสังคมไทยย้อนพินิจข้อมูลที่ “แวดวงสิทธิหญิงชายก็มีการชี้ไว้” โดย จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ที่ได้สะท้อนถึงกรณีนี้ประเด็นนี้ไว้ หลักใหญ่ใจความมีว่า แม้ว่าโลกจะก้าวไปไกล แต่ในสังคมไทยยังมี “คนหลงยุค” โดย “หลงอำนาจต่าง ๆ และคุกคามทางเพศผู้ที่อ่อนแอ”ซึ่งเป็นการ “หลงยุคเรื่องชายเป็นใหญ่-อำนาจนิยม”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

กับเรื่องแบบนี้ ก็อาจจะยึดโยงกับอีกประการคือ “ก่อเหตุโดยคิดว่ามีอำนาจอุปถัมภ์” เช่น คิดว่าตนเองมีอำนาจอุปถัมภ์เพราะเป็นข้าราชการ เป็นนักการเมือง มีพ่อเป็นคนใหญ่คนโต หรือแม้แต่คิดว่าตนเองมีอำนาจเพราะเป็นครูอาจารย์ หรือเพราะเป็นพระ หรือเพราะเป็นพ่อ แล้วก่อเหตุ “ลวนลาม ละเมิดทางเพศ ข่มขืน” ยุคปัจจุบันนี้ก็ยังมีเยอะมาก

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

“ความคิดเรื่องอำนาจชายเป็นใหญ่ เรื่องอำนาจต่าง ๆ ที่เหนือกว่า เรื่องมีอำนาจอุปถัมภ์ ยังคงฝังลึกในสังคมไทย จึงทำให้รากเหง้าปัญหากรณีนี้ยังคงดำรงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย!!” ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ชี้ไว้

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

และทาง จะเด็จ ก็ยังได้สะท้อนเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวนี้ผ่านทาง“ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้อีกว่า “มายาคติหลงยุค”ต่าง ๆ อย่างมายาคติ “อำนาจนิยม” หรือ “คิดว่าตนเองมีอำนาจที่เหนือกว่าคนอื่น” คิดว่าเป็นคนมีเงิน คิดว่าเป็นนักการเมือง ฯลฯ แล้วจะทำอะไรก็ได้ “คิดว่าจะคุกคามทางเพศผู้ที่อ่อนแอก็ทำได้??” กับมายาคติ “หลงยุค” แบบนี้นั้น

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

ทำให้ “สังคมไทยก็หลงยุคไปด้วย!!”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

ผู้ที่ได้ติดตามกรณีปัญหาแบบนี้มาตลอดท่านนี้ยังได้เผยไว้ต่อไปว่า นอกจาก “มายาคติหลงยุค” แล้ว ยังมี“มายาคติร้ายเสริมซ้ำ” อีกด้วย กล่าวคือการที่ “สังคมก็มักไม่เข้าใจ บอกว่าผู้หญิง หรือเด็กผู้หญิง ชอบแล้วก็ไปกับเขาเอง จะเรียกข่มขืนได้ยังไง เป็นการสมยอม ซึ่งแบบนี้ทำให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ได้ หลายกรณีอาจถูกยกฟ้อง”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

นอกจากนี้ ก็ยังมี“มายาคติที่กดทับ ตีตรา” ด้วย ซึ่งก็ “ยิ่งทำให้ปัญหานี้ยังดำรงอยู่”โดยปัจจัยที่สำคัญเช่นกันคือ มายาคติที่ตีตราคนที่ถูกกระทำหรือคนที่ถูกข่มขืนว่า ก็เป็นคนไม่ดี?? หลายกรณีที่ผ่านมาผู้หญิงที่ถูกข่มขืน ถูกคุกคามทางเพศ จึงไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าบอกพ่อแม่ กลัวพ่อแม่มองว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี ทำให้นามสกุลเสียหาย นี่เป็นมายาคติที่กดทับ ที่ในแง่สังคมก็ยังมีการมองแบบตีตรา เช่น มองว่าก็เพราะทำตัวไม่ดี กลับบ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ ชอบแต่งตัวโป๊ ต่าง ๆ เหล่านี้คือมายาคติที่ใหญ่มาก ทำให้ปัญหาคุกคามทางเพศวนเวียนไม่ไปไหน ทำให้การ“หลงยุคเรื่องเพศ”ในสังคมไทย “ไม่ลดลง”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

ทั้งนี้ ปิดท้ายสลับมาดูประเด็นที่ ผศ.ดร.อรพิน สถิรมน นักวิชาการภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยสะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้อีกส่วน นั่นคือ มีผู้ชายที่ไม่ได้ป่วยทางจิต แต่ “ลวนลาม-ละเมิดทางเพศ-ข่มขืน”เพราะต้องการแสดงออกถึงความมีอำนาจ ซึ่งที่ “คิดว่าเป็นการแสดงถึงการมีอำนาจ” แต่ “จริง ๆ คือมีปมด้อย!!”ต่างหาก

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

“มายาคติหลงยุค” นี่คือ “ปมด้อยร้าย”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

ที่ยิ่งเลวร้ายคือ “ไม่เว้นแม้แต่กับเด็ก”

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

“คนอันตรายเช่นนี้ มีที่ยืนได้ไง??”.

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์

มายาคติชายข่มขืนหื่นหลงยุคที่จริงคือมีปมด้อยเดลินิวส์