ได้ดีกว่าการระบาย นอกจากวิธีเหล่านี้แล้ว การมองสถานการณ์ในแง่บวก การยอมรับ และการมองเห็นอารมณ์ขันในเหตุการณ์ต่างๆ ก็เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าคนที่ใช้วิธีเหล่านี้มีสุขภาพจิตดีกว่าคนที่เลือกระบายอารมณ์

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

 

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกด้านลบจะเป็นสิ่งต้องห้ามเสมอไป การปรึกษานักบำบัดเพื่อทำความเข้าใจสาเหตุของอารมณ์ หรือการพูดคุยเพื่อหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่ไม่ยุติธรรม ถือเป็นการใช้การสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ สิ่งสำคัญคือการเลือกคนที่จะพูดคุยด้วย งานวิจัยพบว่าการระบายกับคนที่ไว้ใจและรู้วิธีรับฟังที่เหมาะสมจะให้ผลดีกว่าการระบายกับทุกคนที่เราพบเจอ

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

 

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอดรู้จักเทคนิค ‘แมลงวันบนกำแพง’

 

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

เทคนิคที่น่าสนใจอีกอย่างคือการมองสถานการณ์แบบ ‘แมลงวันบนกำแพง’ หรือการสมมติว่าเราเป็นคนนอกที่มองเหตุการณ์นั้นๆ วิธีนี้ช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมและลดอารมณ์ร้อนลงได้ บางครั้งการพยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ทำให้หงุดหงิดก็เป็นวิธีที่ได้ผล โดยเฉพาะกับคนที่มีแนวโน้มจะครุ่นคิดซ้ำๆ

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

 

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

จำไว้ว่าแม้การระบายอารมณ์จะให้ความรู้สึกดีในระยะสั้น แต่อาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการความโกรธหรือความหงุดหงิด การฝึกสติ การหายใจ และการมองหามุมมองใหม่ๆ อาจเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการรักษาสมดุลทางอารมณ์ของเรา

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

 

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

 

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด

อ้างอิง:

หยุดเหวี่ยงวีนระบายอารมณ์เพราะมันไม่ใช่ทางออกที่รอด