【เศรษฐีออนไลน์】‘เบื้องหลัง’ ทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆ ‘ผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทร’ แก้ไขโจทย์ชุมชน...‘ห้องเรียนปูม้า’ | เดลินิวส์

โมเดลดังกล่าวนี้เกิดขึ้นที่ “โรงเรียนบ้านแหลมไทร อ.สิเกา จ.ตรัง” ที่ทั้ง เด็ก ครู และชุมชน ได้ร่วมกันออกแบบ สร้างรูปแบบการเรียนรู้ขึ้นมา ที่ไม่เพียงเป็นเรื่องการเรียน ยัง “ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาในวิถีชุมชน” ที่ตรงตามความต้องการในพื้นที่ ซึ่งวันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” มีเรื่องราวมาให้พิจารณากัน

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

เรื่องราว “ครู-นักเรียน” ที่ทาง “ทีมวิถีชีวิต” นำมาสะท้อนต่อวันนี้ ถูกบอกเล่าไว้ในเว็บไซต์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. โดยที่เป็นเรื่องราวของ โรงเรียนบ้านแหลมไทร อ.สิเกา จ.ตรัง ที่ได้ออกแบบการเรียนให้เด็ก ๆ จนสามารถปั้น “นวัตกรน้อย” เพื่อเป็น “นักแก้ปัญหาให้ชุมชน” ที่เด็ก ๆ อาศัยอยู่ โดยมี “แกนกลางสำคัญ” คือ “คุณครูภณิดา ชูช่วยสุวรรณ” ครูผู้สอนวิชาสังคมศึกษาชั้น ป.4 เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการทำให้เกิดโมเดล “ผู้พิทักษ์ (จิ๋ว) ปูม้า” ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้คนในชุมชน ซึ่งในบทความที่เผยแพร่เรื่องนี้ไว้ได้พาไปเจาะลึก “ห้องเรียนพิเศษ” ของคุณครูท่านนี้ โดยได้บอกเล่าไว้ว่า จากแนวคิดที่มองว่า การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน จึงทำให้คุณครูภณิดาชักชวนเด็ก ๆ ให้มาเรียนรู้เกี่ยวกับของดีในชุมชน กับช่วยกันสร้างพื้นที่การเรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียนขึ้น ภายใต้หลักคิด “Active Learning” ผ่านการใช้รูปแบบการสอนตาม หลักสูตรโครงงานนวัตกรรมจากประสบการณ์โลก (Phenomenal Based Learning : IP2) ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักสูตรของโครงการพัฒนาทักษะการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่ออกแบบไว้โดยสำนักพัฒนาคุณภาพครูและสถานศึกษา กสศ.

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

“ห้องเรียนนี้ จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่ได้ไปอบรมหลักสูตรของโครงการที่ว่านี้ และพอนำมาใช้กับโรงเรียนจริง ๆ เราก็ปรับกระบวนการให้มันเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนเรามากที่สุด และยังคงเป็นการศึกษาภูมิศาสตร์ เพราะเราเป็นครูสังคมศึกษา ซึ่งเราก็ได้ให้ความรู้กับเด็ก ๆ ว่าภูมิศาสตร์ของแหลมไทรนั้นเป็นชายฝั่งทะเล แล้วก็มีทรัพยากรทางทะเล ทีนี้พอเราลงสำรวจปัญหา โดยได้พานักเรียนลงพื้นที่ ก็จึงพบปัญหาหลักๆ เลยก็คือ ปูม้าที่เป็นของดีของแหลมไทรมีจำนวนลดลงไปมาก ซึ่งถ้าหากทรัพยากรทางทะเลลดลง แน่นอนว่ามันก็จะมีผลกับเศรษฐกิจของครอบครัวของเด็ก ๆ ด้วย” คุณครูภณิดาได้ฉายภาพให้เห็นถึง “ความสัมพันธ์ของปัญหา” จากกรณี “ปูม้าลดลง”

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

คุณครูคนเดิมยังเล่าเอาไว้อีกว่า สำหรับเป้าหมายในการเรียนรู้ของนักเรียนที่ตั้งไว้นั้น เน้นที่การช่วยให้เด็กได้รู้จักสภาพแวดล้อมในชุมชน กับฝึกให้เด็ก ๆ มองเห็นปัญหา และรู้จักคิดหาทางแก้ปัญหา รวมถึงตระหนักถึงการอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรในพื้นที่ เพื่อความเป็นอยู่ในอนาคต ทำให้เด็ก ๆ พบปัญหา และเกิดความสนใจที่จะแก้ปัญหาที่ค้นพบ นั่นก็คือ การเพิ่มจำนวนปูม้าที่ลดลง จนนำมาสู่โจทย์ใหญ่อย่างการค้นหาวิธีที่จะทำให้ปูม้ามีเพิ่มขึ้น คุณครูภณิดาระบุเรื่องนี้ พร้อมกับพูดถึง “กระบวนการเรียนรู้ที่เป็นการเชื่อมโยงกับชุมชน” ว่า ประกอบด้วย “6 ขั้นตอน” ดังต่อไปนี้

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

ขั้นแรก “แหลมไทรอะไรดี” โดยจะหย่อนโจทย์ให้เด็กช่วยกันระดมสมอง เพื่อกำหนดสถานการณ์ปัญหา หรือปรากฏการณ์ที่จะนำมาใช้ในการเรียนรู้ และเป็นการประเมินระดับความคิด, ขั้นที่สอง “ตามมาจะพาไปล่องทะเล” ที่เป็นการคิดประเด็นสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้เด็กมองเห็นภาพชัดขึ้น โดยพาเด็ก ๆ สำรวจพื้นที่ชุมชนบ้านแหลมไทร ซึ่งครูจะทำหน้าที่เป็นโค้ช โดยการเรียนรู้จะเรียนรู้ได้ดีก็ต่อเมื่อทำให้ผู้เรียนอยากจะเรียนรู้ และอยากหาคำตอบในสิ่งที่อยากรู้ ซึ่งในขั้นตอนนี้ครูต้องช่วยอำนวยความสะดวกให้เด็ก ๆ เข้าถึงแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น พาไปนั่งคุยกับปราชญ์ชาวบ้านในชุมชน เป็นต้น

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

ลงพื้นที่สำรวจกับคุณครูและผู้ใหญ่ในชุมชน

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

ขั้นที่สาม “หนูน้อยนักอนุรักษ์ ผู้พิทักษ์พันธุ์ปูม้า” เมื่อกลับสู่ห้องเรียนก็จะให้เด็ก ๆ ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดกันว่าแต่ละคนมองเห็นอะไรที่เป็นจุดเด่นของชุมชน และอะไรที่เป็นปัญหาที่เจอ เพื่อนำมาวางแผนพัฒนาร่วมกัน โดยใช้เครื่องมือ FILA Map ในการจัดระบบความคิดที่กระจัดกระจายให้เป็นกลุ่มก้อน กับวิเคราะห์ข้อมูลที่มี และนำเสนอ ซึ่ง FILA ย่อมาจาก Fact ข้อเท็จจริง Innovation นวัตกรรม Learning ความรู้และทักษะที่ต้องใช้สร้างนวัตกรรม และ Action Plan การวางแผนการทำงาน, ขั้นที่สี่ “คิดไม่ OUT เราทำได้” เป็นการจัดการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ กับบูรณาการรายวิชาสังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ และการงานอาชีพ เพื่อนำไปใช้ในการประดิษฐ์นวัตกรรม, ขั้นที่ห้า “ถอดบทเรียนเปลี่ยนชีวิต” หลังผ่านการคิดและลงมือทำกันแล้ว ก็จะให้นักเรียนประเมินตนเอง โดยใช้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs และขั้นที่ 6 “สู่ชุมชนอุดมสุข” ที่เป็นการต่อยอดองค์ความรู้ และเผยแพร่ความรู้ที่ได้กลับคืนสู่ชุมชน นี่เป็น “6 ขั้นตอน” กระบวนการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

เด็ก ๆ ร่วมกันถอดบทเรียน

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

“ตอนเราไปลงพื้นที่ เราต้องชวนเด็ก ๆ มองในสิ่งที่เขาอาจจะมองข้าม เช่น ป่าชายเลนมีต้นพังกางอกออกมา ซึ่งเขาอาจจะมองไม่เห็น หรือเขาเห็นทุกวันจนไม่ได้สังเกต เราก็ต้องชวนเขาให้เอ๊ะ? นี่อะไรนะ ต้องชี้ ต้องแนะเขานิดนึงให้เขาได้เห็น ได้สังเกต ถ้าเขาได้เห็นอะไรจากพื้นที่จริง ๆ ก็จะทำให้เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์มากขึ้น”คุณครูภณิดาบอกเล่าไว้ พร้อมเสริมว่า เพราะความรู้ไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องเรียน การที่เด็ก ๆ ได้นำเอาปัญหาจากชุมชนมาใช้เป็นโจทย์ ช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจ และบางครั้ง “เด็ก ๆ” ก็กลายเป็น “ผู้จุดประกาย” ให้ครูและชุมชนได้อีกด้วย

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

คุณครูคนเดิมยังเล่าไว้อีกว่า หลังกลับจากลงพื้นที่สำรวจและเห็นปัญหาแล้ว นักเรียนก็จะแบ่งกลุ่มกันทำกิจกรรม 4 กลุ่ม โดยกลุ่มที่หนึ่งจะทำเรื่อง “ชุดอนุบาลปูม้าพลังงานแสงอาทิตย์” ซึ่งจริง ๆ แล้วการอนุบาลปูม้าก็มีอยู่ในชุมชน แต่เด็ก ๆ กลุ่มนี้เขาคิดเพิ่มขึ้นมาว่า อยากนำพลังงานสะอาดมาใช้ ซึ่งก็คือการใช้โซลาร์เซลล์ ส่วนกลุ่มที่สองเด็ก ๆ อยากลงไปช่วยชุมชนเป็น “อาสาช่วยดูแลธนาคารปูม้าในชุมชน” ขณะที่กลุ่มที่สามเด็กอยากจะสร้างชุดอนุบาลปูม้าในแบบของพวกเขา โดยคิด “ทำภาชนะอนุบาลปูม้าจากระป๋อง” และกลุ่มที่สี่จะเน้นไปที่การ “ทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่ออนุรักษ์ปูม้า”

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

ส่วนหนึ่งของสื่อการเรียนการสอน

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

“เด็ก ๆ เขาก็คิดทำในแบบที่ต่างกัน จนเกิดวิธีอนุรักษ์ปูม้าในแบบของเขา ซึ่งกลุ่มไหนคิดยังไงเราก็ให้เขาได้ลงมือทำในสิ่งที่เขาคิด ไม่ได้ปิดกรอบความคิดของเขานะคะ ดังนั้นแต่ละกลุ่มก็จะมีความสำเร็จที่แตกต่างกัน”

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

ทั้งนี้ ทาง คุณครูภณิดา โรงเรียนบ้านแหลมไทร อ.สิเกา จ.ตรัง ผู้อยู่เบื้องหลังโมเดล “ผู้พิทักษ์ (จิ๋ว) ปูม้า” ยังได้เผยถึงการตัดสินใจ “คิดนอกกรอบ” เพื่อออกแบบรูปแบบการเรียนที่เชื่อมโยงกับบริบทพื้นที่ไว้ในบทความด้วยว่า “จริงๆ วิชาสังคมศึกษา ถ้าเกิดว่าเราสอนปกติ ก็อาจจะทำให้เด็กเบื่อ จนเด็กจำบทเรียนไม่ค่อยได้ เนื่องจากเด็ก ๆ ไม่จดจ่อกับบทเรียน เช่น เมื่อถามสภาพภูมิประเทศว่าเป็นยังไง เขาก็อาจจะบอกว่าอากาศร้อน เพราะเขาจำเนื้อหาไม่ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นการท่องจำแบบเดิม ๆ แต่ถ้าเกิดเราทำแบบนี้ ถ้าเราพาเขาไปลงพื้นที่จริง ๆ ให้เขาได้เห็น ได้สัมผัสด้วยตัวเอง จะเห็นชัดเจนถึงข้อแตกต่างระหว่างวิธีสอนแบบใหม่กับแบบเดิม เพราะวิธีใหม่นี้ ช่วยให้เด็ก ๆ จดจำเนื้อหาได้ดีกว่า”.

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

คุณครูภณิดา ชูช่วยสุวรรณ

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

‘สร้างสมรรถนะชีวิต-จิตสำนึก’

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

ทักษะที่เด็ก ๆ จะได้รับจากโมเดลการเรียนรู้ที่นำมาสะท้อนต่อในวันนี้ เรื่องนี้ คุณครูภณิดา บอกไว้ด้วยว่า รูปแบบนี้จะช่วยให้เด็ก ๆ เกิดทักษะขึ้นหลายด้าน ที่ไม่ใช่แค่ได้ความรู้ในรายวิชาสังคมศึกษา วิทยาศาสตร์ หรือการงานอาชีพเท่านั้น แต่สิ่งที่เด็ก ๆ ทุกคนจะได้รับติดตัวไปด้วยก็คือ “สมรรถนะที่จำเป็นในการใช้ชีวิต” เนื่องจากมองว่าการเรียนในยุคใหม่ที่ตอบโจทย์คือการฝึกให้เด็ก ๆ มีสมรรถนะที่พร้อมรับกับชีวิตในอนาคตข้างหน้า ที่จำเป็นสำหรับเด็กมากกว่าความรู้ที่เป็นแบบแผนเดียวกันมาทั้งหมด และนอกจากทักษะสมรรถนะต่าง ๆ สิ่งที่คุณครูภณิดามองว่าก็เกิดขึ้นจากการเรียนรู้นี้ นั่นคือ “จิตสำนึก”

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

“ตอนนี้เขาก็รักและหวงแหนในทรัพยากรและบ้านเกิดของเขา มันไม่ใช่แค่เกิดในห้องเรียน เพราะว่าพอเขาเริ่มทำ คนในโรงเรียนคนอื่นเห็น ชาวบ้านเห็น แล้วทุกคนถ้าเข้ามาช่วย มันก็จะเกิดการสะท้อนให้เห็นในภาพใหญ่ ว่าเราต้องมาช่วยกันดูแลชุมชนของเราแล้ว ทำให้เห็นกว้างกว่าในห้องเรียน เพราะนี่คือบ้านของเขา ซึ่งในระยะยาว ถ้าทรัพยากรมันยังอยู่กับเขาก็จะเป็นผลดีกับครอบครัว กับลูกหลานในชุมชน ดังนั้นถ้าเราสร้างเรื่องเหล่านี้ให้กับเด็ก ๆ ได้ มันก็จะเป็นผลดีระยะยาวกับครอบครัวและชุมชนของเขาต่อไปในอนาคต”.

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ : รายงาน

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์

(กสศ. : ข้อมูล-ภาพ)

เบื้องหลังทีมนักอนุรักษ์ตัวน้อยๆผู้พิทักษ์จิ๋วบ้านแหลมไทรแก้ไขโจทย์ชุมชนห้องเรียนปูม้าเดลินิวส์