【หวยหนังสือพิม】มองข่าวกม.ต้านรัฐประหาร มองความสัมพันธ์ในรัฐบาล | เดลินิวส์

กองเชียร์เพื่อไทยโวย ทำไมต้องดราม่า เขายังศึกษาอยู่ด้วยซ้ำ ..ก็ไม่ให้ดราม่าได้อย่างไร ในเมื่อ 1. โยนเรทโครมมาอย่างนั้น 2.คนพูด คือนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ซึ่งมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายได้ ไม่ใช่ไก่กาที่ไหน ท่าทีของรัฐมนตรีมันมีผลมาก ..ก่อนที่เพื่อไทยจะโดนรุมกินโต๊ะเรื่องภาษีหนักกว่านี้ ก็มีคน“เปลี่ยนเรื่องให้” คือนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ( ฉบับที่..) พ.ศ .มีเนื้อหาสำคัญคือ ให้ ครม.มีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล กำหนดให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของ ครม. มีอำนาจสั่งให้นายทหารยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวได้ หากกระทำการนอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อสกัดการรัฐประหาร  

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

เรื่อง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมนี้ ก่อนหน้า นายสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหมก็เคยเสนอร่างเข้ามา แต่เหมือนกับว่า ครม.ยังให้ทบทวนอยู่ ..กลายเป็นประเด็นร้อนในกลาโหมและกองทัพ ถ้าฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะพลเรือนจะเข้ามาล้วงลูกแต่งตั้งโยกย้าย เพราะมันมีสิ่งที่เหมือนจะเรียกได้ว่า“วัฒนธรรมองค์กร”ในหมู่ทหาร ที่เอาเรื่องการดำเนินการส่วนบุคคลมาทำกันเอง พี่น้องกัน เพื่อนกัน ช่วยเหลือกัน อย่างที่เราเห็นเวลาโผทหารออก ว่า ต้องดูว่าใครรุ่นไหน รุ่นพี่ที่ได้ขึ้นวางรุ่นน้องขึ้นต่อหรือไม่ อย่างกองทัพบกก็ต้องดูการวางตัวแม่ทัพภาคที่ 1

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

และสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารในหลายประเทศ คือ “การเมืองล้วงลูกกองทัพ” จะปลดผู้บัญชาการทหารระดับสูง พวกนี้เขาก็ระดมกำลังกันลุกขึ้นต่อต้าน ..สมมุตินะสมมุติ ในประเทศไทย ถ้าจะรัฐประหารกันอีกครั้ง ก็ดูว่า ผบ.ทบ.กับแม่ทัพภาคที่ 1 มีสายสัมพันธ์ที่ดีอะไรกัน เพราะกองกำลังหน่วยแรกที่จะเข้ายึดอำนาจคือกองทัพภาคที่หนึ่ง จากนั้นทัพภาคที่ 2 ฝั่งอีสาน อาจเคลื่อนกำลังมาสมทบ

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

การออกกฎหมายก็เรื่องหนึ่ง การปฏิบัติก็เรื่องหนึ่ง อย่างเช่น ถึงมีกฎหมายอยู่ แต่ ครม.อาจพิจารณาคนตามที่สภากลาโหมเสนอก็ได้ เพียงแต่ถืออำนาจไว้ให้อุ่นใจว่า มีปัญหาปลดได้ สั่งยับยั้งได้ ..แต่ก็เป็นไปตามที่ “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทยพูด คือ “ถ้าเขาจะรัฐประหาร กฎหมายอะไรก็ช่วยไม่ได้ เพราะถ้าทำจริงก็ฉีกรัฐธรรมนูญ นักการเมืองก็อย่าทำตัวให้เป็นเงื่อนไขรัฐประหารได้ ต้องซื่อสัตย์ สุจริต รักษาความสงบ และอย่า อย่าให้แตกความสามัคคี เงื่อนไขการรัฐประหารมีอยู่แค่ไม่กี่เงื่อนไข ส่วนใหญ่ก็มาจากนักการเมืองทั้งนั้น เราก็อย่าไปเข้าเงื่อนไขเหล่านั้น อย่าไปยุแยงให้ใครแตกความสามัคคี อย่าไปลงถนนจนทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

“การจัดโครงสร้าง การบริหารราชการกลาโหม พรรคภูมิใจไทยไม่มีความชำนาญ ไม่มีข้อมูลมากพอที่จะให้ความเห็นได้ เราจึงขอสงวนความเห็นส่วนนี้ไว้ก่อน จนกว่าจะได้รับฟังคำชี้แจงจากผู้เสนอร่าง พ.ร.บ. ก่อน  แต่หลักการสำคัญที่ควรต้องมีคือ การเมืองไม่ควรไปก้าวก่ายแทรกแซงกองทัพ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีลักษณะพิเศษและเป็นสถาบันสำคัญสำคัญของชาติ ที่มีต้องมีกฎหมายพิเศษหรือกฎหมายเฉพาะมากำกับดูแลการบริหาร เพื่อความมั่นคงของชาติ การช่วยเหลือประชาชนเมื่อมีสถานการณ์วิกฤติ ทั้งจากภัยความมั่นคง และภัยธรรมชาติ รวมถึงการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นภารกิจหลักของกองทัพ  รัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติห้ามผู้ใดกระทำการปฏิวัติ รัฐประหาร ล้มล้างรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ขนาดรัฐธรรมนูญยังห้ามไม่ได้ แล้วกฎหมายใหม่จะใช้ได้จริงหรือ” เสี่ยหนูให้ข้อสังเกต

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

ทหารเก่าอย่าง “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) ก็ฝาก “บิ๊กต๊ะ”พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร.แถลงไม่เห็นด้วย โดยบิ๊กป้อมว่า สาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มุ่งเน้นไปที่ มาตรา 25 เพื่อให้ฝ่ายการเมือง มีอำนาจเหนือผู้บัญชาการเหล่าทัพในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล โดยกล่าวอ้างว่า มีการเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้ว ผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บังคับบัญชาในทุกระดับ ย่อมจะต้องรู้จักศักยภาพและประสิทธิภาพของกำลังพลใต้การบังคับบัญชาดีกว่า ฝ่ายการเมือง ซึ่งเข้ามามีอำนาจเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง และหมุนเวียนเปลี่ยนไป ตามกลไกของการเลือกตั้ง

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

“ตามมาตรา10 ของพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2556 ได้กำหนดเอาไว้ว่า “ กระทรวงกลาโหมมีส่วนราชการดังต่อไปนี้ (1) สำนักงานรัฐมนตรี (2) สำนักงานปลัดกระทรวง (3) กรมราชองครักษ์ (4)หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (5) กองทัพไทย ซึ่งหมายความว่าเจตนาของพรรคการเมืองที่ยกร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม เพื่อฝ่ายการเมือง เข้ามามีอำนาจเหนือกองทัพนั้น จะมีอำนาจเหนือ ตาม(2)(4) ซึ่งเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง การเสนอร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมของพรรคการเมืองนั้น จะเป็นการบั่นทอนให้กองทัพอ่อนแอลง และจะนำกองทัพ ไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น จึงขอคัดค้าน อย่างถึงที่สุด” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว 

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

ส่วนเพื่อไทย “บิ๊กอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม บอกว่า เอาเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภากลาโหมแล้ว  และจะมีข้อคิดเห็น ข้อแนะนำปรับปรุง ต้องดูเรื่องหลักการและความเป็นจริงว่าจะจัดการอย่างไร  ในฐานะประธานประชุมสภากลาโหมไม่อยากให้ความเห็นไปก่อน  ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า แนวทางจะออกมาอย่างไร อย่าเพิ่งไปคิดว่าลดอำนาจทหารหรือไม่ เพราะไม่มีเจตนานี้ ทหารก็มีกฎระเบียบกฎหมายของเขาในการควบคุมดูแลเหมือนพลเรือน

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

เมื่อย้อนกลับไปข้างต้น สาเหตุของการรัฐประหารมาจากการปลดผู้บัญชาการระดับสูง หากฝ่ายการเมืองล้วงลูกได้ ก็มีโอกาสเกิดรัฐประหาร และอาจแรงขึ้น สื่อได้ถามเรื่องนี้กับบิ๊กอ้วน ได้คำตอบว่า “ยังไม่เคยเห็นรายงานว่ามีใครพูด และผมยังไม่คุยเรื่องนี้กับผู้บัญชาการเหล่าทัพคนใด ขอรอฟังความเห็นจากคณะกรรมการกลั่นกรองก่อน กองทัพกับการเมืองวันนี้ก็ยังคุยกันดี ไม่มีเหตุอะไรที่จะไปล้วงลูกฝ่ายข้าราชการประจำ” ดูท่าบิ๊กอ้วนหัวเสียกับเรื่องนี้พอสมควร ถึงได้กำชับผู้สื่อข่าวมาอีกว่า “ขอให้พูดแต่ประเด็นที่เป็นจริงมีอะไรเกิดขึ้นแล้วค่อยมาถาม ไม่ใช่ถ้าอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะเป็นการคิดฝันไปเอง ขอให้อยู่เป็นข้อเท็จจริง”

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

และว่า ความเห็นของนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ผู้เสนอร่างกฎหมาย  ไม่ได้หมายความว่าเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย  ในส่วนพรรคดำเนินการอย่างไรอย่างไรก็จะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง เรื่องกฎหมายยังต้องดูรายละเอียด ต้องมีกลั่นกรอง ก่อนเข้าที่ประชุม ครม. สภากลาโหมได้พิจารณาไปแล้วเบื้องต้น ย้ำว่าจุดยืนนี้ยังไม่ใช่จุดยืนที่เพื่อไทยลงมติ”

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

เจอกระแสค้านก็ส่วนหนึ่ง กระแสจากพรรคที่เหมือน“ไม่อยากมีปัญหากับทหาร”ก็ด้วย ทำให้ที่สุดแล้ว สส.หัวเขียง นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ แบะท่าจะถอนร่าง อ้างว่า จากการรับฟังความเห็นของประชาชนในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ตาม มาตรา77 ของรัฐธรรมนูญ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีเสียงคัดค้านจำนวนมาก วันที่ 12 ธ.ค.นี้ ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยก่อนประชุมสภา จะขอถอนร่างไปปรับปรุงแก้ไขใหม่ จะสิ้นสุดการรับฟังความเห็นตาม มาตรา 77 ในวันที่ 1 ม.ค.68 

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

“ไม่ใช่การแทรกแซงกองทัพ  การเสนอแต่งตั้งทหารระดับนายพลจะดำเนินการโดยคณะกรรมการของส่วนราชการนั้นๆ เป็นผู้เสนอชื่อนายพลตามหลักเกณฑ์กระทรวงกลาโหม จากนั้นจึงจะเสนอให้ ครม.พิจารณา ทุกอย่างมีระเบียบกระทรวงกลาโหมควบคุมขั้นตอนแต่งตั้ง ไม่ใช่ ครม.แต่งตั้งเอง หรือกรณีกำหนดให้นายกฯ โดยความเห็นชอบของ ครม. มีอำนาจสั่งให้นายทหารยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวได้ หากกระทำการนอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญเพื่อสกัดการรัฐประหาร ก็เหมือนที่ สส.เกาหลีใต้ ใช้อำนาจยับยั้งการประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดี หลายประเทศมีมาตรการเข้มข้นสกัดการยึดอำนาจ ตอนนี้จากที่หวังไว้ 100% ถ้าได้มาสัก 30-50 % ก็คงพอใจแล้ว”

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ เบอร์พรรค 29

สส.หัวเขียงบอกว่า เมื่อหลายพรรคการเมืองไม่เห็นด้วย ก็ต้องนำมาทบทวนใหม่ การที่หลายส่วนมองว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถสกัดการยึดอำนาจได้ เป็นความเห็นแต่ละคน ส่วนตัวมองว่า ช่วยป้องกันได้ระดับหนึ่ง เหมือนที่เกาหลีใต้ ที่ให้สภามีส่วนร่วมการยับยั้งการใช้อำนาจที่ไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย ไม่ได้กลัวขัดแย้งกับกองทัพ แต่ต้องเคารพเสียงสังคม เมื่อสังคมไม่เอาด้วยก็ทบทวน

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

เอาจริง ถ้าพูดกันด้วยแบบอย่างการรัฐประหารในไทยสองครั้งที่ผ่านมา คือ ทหารประกาศยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญ เรียกผู้เห็นต่าง“เข้าค่าย”ในกองทัพทันที ..ภาพมันเป็นอย่างที่เสี่ยหนูพูด คือ“ถ้าเขาจะทำก็ทำ” อย่างไรก็ตาม คนก็คาดหวังการตรวจสอบถ่วงดุลในกองทัพให้โปร่งใส ในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธ เรื่องการซ้อมทรมานนายทหารระดับล่างที่มีข่าวออกมาเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่า กฎหมายจัดระเบียบจะช่วยตรงนี้ได้หรือไม่ ไม่ใช่อะไรๆ ก็ซุกทำกันในค่าย

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

แต่ภาพหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้คือ “เพื่อไทยเกรงภูมิใจไทย” เหมือนยอมให้พรรคภูมิใจไทย“ขี่คอ”อยู่ อะไรที่เคยคิดว่าจะเป็นมติรัฐบาลไปได้ตลอดรอดฝั่ง อยู่ๆ ภูมิใจไทยไม่เอาด้วยก็ต้องกลับลำกัน ทั้งนี้เป็นเพราะภูมิใจไทยคือพรรคเสียงข้างมากอันดับสองในรัฐสภา และมี“สายสัมพันธ์”ที่ดีกับ สส.หลายคน แต่ก็แว่วข่าวว่า ทางเพื่อไทยก็หวังลึกๆว่า “เลือกตั้งใหม่จะรวมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้ถึง 300 โดยไม่ต้องมีภูมิใจไทย”

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

ตัวเลือกแรกที่เขาคิดจะเอามารวมด้วย คือพรรคกล้าธรรมที่มีความสัมพันธ์อันดีกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และอาจมีพรรคใดพรรคหนึ่งดูดคนจากรวมไทยสร้างชาติ ( รทสช.) ไปเข้าพรรคใหม่ ( แต่ต้องระวังไม่ให้ถูกดูดเข้าภูมิใจไทย ซึ่งทำพื้นที่ใต้แข็งแรงอยู่ และจะแย่งฐานเสียง รทสช.)

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

เรื่องนี้รอเวลาพิสูจน์ ใกล้เลือกตั้งเราจะได้เห็น..เผลอๆ ถ้ายุบสภาอาจเห็นการโยกย้าย สส.ครั้งใหญ่.

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์

คลิกอ่านบทความทั้งหมดได้ที่นี่

มองข่าวกมต้านรัฐประหารมองความสัมพันธ์ในรัฐบาลเดลินิวส์