【ตรวจหวย 16 เมษายน 2563】‘เจ้าสัวคนดัง’ ไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิด ‘ปุย-จักรรินทร์ อยู่พิทักษ์’ กับหลักชีวิตที่ ‘เซ็นท่านบางกะม่า’ | เดลินิวส์
“ที่มาชื่อห่าง (ไม่ใช่ห้าง) ชื่อนี้ได้มาก็เพราะเราให้ทุก ๆ ท่านเซ็นได้” เป็น “ที่มาชื่อ” ที่สะดุดหูสะดุดตา ที่ “ปุย-จักรรินทร์ อยู่พิทักษ์” ชายหนุ่มผู้เรียนไม่จบชั้น ม.1 แต่วันนี้ได้รับการขนานนามให้เป็น “เจ้าสัวแห่งบางกะม่า” บอกเล่าไว้ โดยชื่อเสียงของเขา และ “ร้านขายของชำ” ที่มีชื่อสะดุดหูสะดุดตานี้ โด่งดังในโลกโซเชียล ในหมู่นักท่องเที่ยว โดยมีผู้คนไปสัมผัส ไป “เช็กอิน” กันตลอด ซึ่งเส้นทางชีวิตเขาคนนี้ก็ไม่ธรรมดา น่าสนใจ จนทำให้ “ทีมวิถีชีวิต” ต้องทำความรู้จัก
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“ปุย-จักรรินทร์” และ “เหลน-อุดมศรี”
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“ที่นี่มีทั้งร้านขายของชำ กับลานกางเต็นท์ชื่อชราลานครับ ซึ่งผมเปิดขึ้นมาก็เพื่อให้เป็นสถานที่สำหรับไว้ใช้เยียวยาจิตใจตัวเอง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนอยากมาเที่ยวที่นี่มากแบบนี้” ชายหนุ่มเจ้าของเรื่องราว ที่ชื่อ “ปุย-จักรรินทร์” กล่าวเรื่องนี้กับ “ทีมวิถีชีวิต” พร้อมเล่าประวัติของเขาให้ฟังว่า ปัจจุบันอายุ 49 ปี และเป็นเจ้าของร้านขายของชำที่เขาตั้งชื่อเองว่า “ห่างสรรพสินค้าเซ็นท่านบางกะม่า” ตั้งอยู่ที่ อ.บ้านคา จ.ราชบุรี โดยเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ภรรยาชื่อ “เหลน-อุดมศรี ตะเภา” ซึ่งเขาไม่ใช่คนบ้านคา แต่เกิดและโตที่ อ.โพธาราม โดยคุณพ่อเป็นทหารผ่านศึก ส่วนคุณแม่เป็นช่างตัดผม และเขาพี่ชาย 1 คน ทั้งนี้ หลังเรียนจบ ป.6 ที่วัดเขาส้ม ก็ไปเรียนต่อ ม.1 ที่โรงเรียนช่องพรานวิทยา แต่เกเรจนทำให้เรียนไม่จบ ม.1 ต่อมาจึงสำนึกตัวและกลับมาเรียนใหม่ แต่เรียนไปเรียนมาก็รู้สึกเหมือนว่าความรู้มันช้าเกินไป ก็เลยคิดว่าออกไปเรียนรู้เอาจากโลกข้างนอกโรงเรียนเองดีกว่า สรุปคือสุดท้ายก็เรียนไม่จบ ม.1 เพราะเขาอยากเรียนจากประสบการณ์ชีวิตจริง
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์ปุย เล่าอีกว่า หลังตัดสินใจไม่เรียนแล้ว เขาก็ไปทำงานในที่ต่าง ๆ หลายที่ โดยทำงานมาหลากหลายอาชีพมาก อาทิ ช่างทอง ช่างรองเท้า พนักงานขายที่กรุงเทพฯ บริกรบนรถทัวร์ ทำปุ๋ยขาย เป็นช่างไฟ ช่างแอร์ ช่างประปา และวาดรูปขายบ้าง โดยไม่ได้เรียนวาดรูปมาจากที่ไหน แต่หาความรู้จากหนังสือและฝึกเอาเอง หรือหากมีวิชาอะไรที่อยากรู้ เขาก็ไปเรียนรู้ เช่น ไปคุยกับผู้สูงอายุเพื่อขอความรู้ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เขาได้นำมาใช้ประกอบอาชีพและดำเนินชีวิต โดยปุยบอกว่า ไม่รู้ว่าวิธีนี้ถูกหรือผิด แต่สำหรับตัวเขา แบบนี้น่าจะเหมาะกับชีวิตของเขา เพราะวิธีนี้ทำให้เขาได้ความรู้และประสบการณ์นอกห้องเรียนที่หลากหลาย จนที่สุดเขาก็ได้มาที่ ต.บางกะม่า อ.บ้านคา จ.ราชบุรี และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวชีวิตวันนี้
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์วิวสวย ๆ ของลานกางเต็นท์ “ชราลาน”
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“ก่อนจะมาเป็นร้านในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เป็นร้านของพ่อตาแม่ยาย ซึ่งตอนนั้นไม่มีชื่อร้าน แต่ตอนหลัง ๆ เมื่อเริ่มมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่นี่เพิ่มขึ้น ทีนี้พ่อตาแม่ยายของผมเขาก็เริ่มทอนเงินไม่ค่อยถูก และเริ่มลงไปซื้อของลำบากแล้ว เพราะอายุมากขึ้น ก็เลยยกร้านนี้ให้กับลูกสาวคนเล็กทำต่อ ซึ่งก็คือเมียของผม ปรากฏเมียผมเป็นคนใจดี ก็ปล่อยให้ลูกค้าเซ็นไปเรื่อย ๆ ทีนี้เซ็นไปเซ็นมายอดก็ยาวไปถึง 4,000กว่าบาท จึงเป็นที่มาของชื่อเซ็นท่าน”
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์เขาเล่าเรื่องร้านต่อไปว่า ชาวบ้านที่มาเซ็นซื้อของไป หลายคนเวลาเดินผ่านหน้าร้านก็มักจะทำเฉไฉหันไปมองทางอื่น เพราะกลัวว่าเขากับภรรยาจะทวงเงิน ซึ่งจริง ๆ ตัวเขาและภรรยาเองก็ไม่กล้าทวง แถมในใจยังคิดว่าเข้ามาคุยกันก่อนเถอะ ไม่ต้องหลบ ไม่ต้องกลัว เพราะยอดเงินตอนนั้นก็ไม่ได้เยอะแยะอะไร มันก็เลยเป็นที่มาของป้ายชื่อร้าน “เซ็นเถอะท่าน” ที่เขาคิดขึ้นมาเพื่อจะบอกทุกคนว่า “ให้มาเซ็นเถอะ” อย่างไรก็ตาม จากตอนแรกที่ยอดเซ็นยังไม่เยอะ แต่ผ่านไปครึ่งเดือนยอดก็ทะลุ เป็น 8,000 บาท จึงมาคิดว่าน่าจะไม่ไหวแล้ว ก็เลยตัดคำว่า “เถอะ” ออก จนเหลือแต่คำว่า “เซ็นท่าน” ในปัจจุบัน
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“พอคิดได้ วันรุ่งขึ้นผมเลยตัดคำว่าเถอะออก เหลือแค่เซ็นท่าน ทีนี้พอมีนักท่องเที่ยวเขาขับรถผ่านร้านนี้ ด้วยชื่อร้านมันสะดุดตา เขาก็ถอยหลังกลับมาอ่านดูอีกครั้งแล้วก็ยิ้มชอบใจกัน จริง ๆ เมียผมค้านนะ เขาบอกว่าอย่าติดเลย อายเขา ส่วนผมไม่อาย ซึ่งสุดท้ายชื่อร้านกับป้ายร้านก็กลายมาเป็นจุดขายที่นักท่องเที่ยวชอบมาขอถ่ายรูป จากไม่กี่คนก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และที่ป้ายก็มักจะมีคนเอาสติ๊กเกอร์มาแปะ ก็เลยกลายเป็นจุดเช็กอินของบางกะม่าไป ทีนี้พอร้านเริ่มมีนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น ชาวบ้านก็เริ่มมาคุย จากที่ไม่ค่อยกล้าคุย เพราะเขามองผมเหมือนเป็นไบโพลาร์ เขาก็เริ่มเห็นว่าผมก็มีมุมผ่อนคลายนะ และก็เริ่มมาทยอยใช้หนี้ จนตอนนั้นเหลือหนี้แค่ 2,000 กว่าบาท แต่ปัจจุบันนี้ดูเหมือนยอดก็น่าจะขึ้นไปเหมือนเดิมอีกแล้ว” เจ้าสัว “เซ็นท่านบางกะม่า” เล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์ทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็กมาเช็กอิน “เซ็นท่าน”
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์และ ปุย ยังบอกว่า ที่ว่าสถานการณ์กลับสู่สภาพเดิมนั้น เขามองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลง ไม่ได้หรอก เพราะชาวบ้านเขาจะเอาเงินมาจากที่ไหน เพราะคนแถวนี้เขาไม่มีรายได้ประจำ ซึ่งอาชีพที่ทำก็มีแค่ปลูกพริกกะเหรี่ยง ปลูกข้าวไร่ สับปะรด ฟักทอง กล้วยน้ำว้า และรับจ้างทั่วไป ซึ่งจริง ๆ ก็มีหน่วยงานเข้ามาส่งเสริมให้ปลูกพืชที่มีมูลค่ามากกว่า แต่ก็ล้มเหลวหมด เพราะพื้นที่แถบนี้ไม่มีแหล่งน้ำสำหรับทำการเกษตรได้อย่างสมบูรณ์ ทีนี้ก็เลยเปลี่ยนแนวมาส่งเสริมให้ทำท่องเที่ยวแทน ด้วยการให้ทำ “ลานกางเต็นท์” รับนักท่องเที่ยว ซึ่งเขาก็เลยทำลานกางเต็นท์ขึ้นมา โดยที่ลานของเขาจะมีทั้งห้องน้ำและพื้นที่ทำครัวเอาไว้รองรับ หรือบางคนอาจจะไม่สะดวกนอนเต็นท์ ก็มีกระท่อมไว้รองรับด้วย
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“เมียผมเขามีพี่น้อง รวมกันแล้วก็ 5คน ในจำนวนนี้ 4คนทำลานกางเต็นท์หมดเลยนะ ผมก็บอกเมียว่าเรามาทำกันบ้างดีกว่า แต่จะใช้ชื่ออะไรดี พอดีตอนนั้นก็คิดไปถึงพ่อตาที่ปีนี้อายุ 80ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรง ผมก็เลยตั้งชื่อว่าชราลาน ถือเป็นการสำนึกในบุญคุณพ่อตาแม่ยาย เพราะถ้าไม่มีเขา ผมก็ไม่มีเซ็นท่าน เพราะช่วงที่ไม่มีรายได้ก็ได้พ่อตาแม่ยายให้กู้ยืมเงิน และคอยช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นผมเน้นทำลูก ไม่เน้นทำลาน (หัวเราะ) ที่นี้พอไม่ได้ลูก ก็เลยหันมาเน้นทำลาน จริง ๆ พ่อตาก็ไม่อยากให้ทำ กลัวนักท่องเที่ยวมาเยอะแล้วจะวุ่นวาย อีกอย่างก็กลัวพวกวัยรุ่นจะขึ้นมาสร้างความวุ่นวาย ผมก็บอกไปว่างั้นเรามาเลือกแขกที่มาพักก็แล้วกัน ซึ่งสุดท้ายวัยรุ่นก็ขึ้นมาอยู่ดี แต่ตอนนี้พ่อตาผมก็ชินแล้ว” เขาบอกถึงที่มาลานกางเต็นท์ชื่อ “ชราลาน”
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์ปุย ยังเล่าว่า “บางกะม่า” คือสถานที่ท่องเที่ยวของพื้นที่นี้ ซึ่งมีลานกางเต็นท์อยู่ประมาณ 10 กว่าลาน โดยปุยมองว่าตรงนี้คือแหล่งรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้กับคนในพื้นที่ได้อย่างมาก เพราะชาวบ้านบางคนอายุเยอะแล้ว ลงไปทำงานรับจ้างหรือทำงานไร่ไม่ไหว ก็ได้อาศัยรายได้จากการเปิดลานกางเต็นท์ให้นักท่องเที่ยวไว้เลี้ยงดูตัวเองกับครอบครัวได้ ซึ่งเขามองว่าเป็นวิธีที่ดี เพราะ “ถ้าลงไปหาเงินไม่ได้ ก็ต้องทำให้เงินเดินขึ้นมาหา” ส่วนจุดเด่นของลานกางเต็นท์ชราลานของปุยนั้น เขาบอกว่ามีวัตถุประสงค์สำคัญก็คือการสำนึกบุญคุณผู้สูงอายุ โดยลานกางเต็นท์ของเขานั้น ถ้าหากเป็นนักท่องเที่ยวที่อายุ 60 ปีขึ้นไป หรือเป็นเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี จะไม่คิดเงิน นี่เป็นวิธีคิดน่าสนใจของชายหนุ่มที่ไม่จบชั้น ม.1 อย่าง ปุย-จักรรินทร์
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์เขาแจกแจงค่าใช้บริการชราลานด้วยว่า คิดค่าบริการค่าเช่าลานกางเต็นท์ราคา 110 บาทต่อหัว โดยรายได้ที่ได้มานั้น เขาจะหักไว้ 10 บาท เพื่อเอาไปเป็นค่าบำรุงกองกลางให้ชุมชน เพื่อจัดการปัญหาเรื่องน้ำ ซึ่งปุยบอกว่า ด้วยความที่เป็นจุดเช็กอินหลักของที่นี่ ทำให้เขาจึงใช้ตรงนี้ช่วยโปรโมทลานที่พักอื่น ๆ ให้ชาวบ้านด้วย โดยไม่จำเป็นต้องพักกับเขา แต่เลือกได้เลยว่าอยากไปกางเต็นท์ที่ลานไหน เพราะเขาอยากให้ชาวบ้านอยู่อย่างมีความสุข มีรายได้
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“ชอบสไตล์ไหนขอให้บอก ไม่ต้องมาพักที่ชราลานก็ได้ ผมแนะนำให้ได้ ซึ่งอย่างช่วงวันเสาร์ อาทิตย์นักท่องเที่ยวจะมากันเยอะ ผมก็แนะนำชาวบ้านให้ทำของขาย เช่น ก๋วยเตี๋ยว น้ำปั่น กาแฟ หรือเอาพืชผักผลไม้ที่ปลูกมาขายนักท่องเที่ยว หรือลานไหนไม่ค่อยมีคน ขอให้บอก เดี๋ยวผมจะเชียร์ให้เอง” ปุยกล่าว พร้อมกับเล่าย้อนว่า เมื่อ 6 ปีก่อน บางกะม่าขึ้นลงลำบากมาก โดยเฉพาะกับคนท้องและคนแก่ บางทีชั่วโมงเร่งด่วนสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี โชคดีที่ตอนนี้มีค่ายสัญญาณมือถือมาตั้งเสาแล้ว ทำให้การติดต่อสื่อสารสะดวกขึ้น ทำให้สแกนทำธุรกรรมการเงินได้ง่ายขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนทำไม่ได้เลย เพราะไม่มีสัญญาณมือถือ ซึ่งถ้าหากมีการทำถนนให้ดีขึ้นก็น่าจะช่วยให้คุณภาพชีวิตชาวบ้านดีขึ้นมาก
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์มีแฟนคลับอินเตอร์มาเยี่ยมเยือน
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์ทั้งนี้ ปุยยังเล่าให้ฟังว่า รายได้ทุกวันนี้ของครอบครัวเขามาจากการให้เช่าลานกางเต็นท์ และจากการขายของ ซึ่งคนที่ขึ้นมาหาก็จะมาขอถ่ายรูปด้วย แล้วก็ซื้อของ เขาจะบอกคนที่มาว่าถ้าซื้อของครบ 100 บาทจะร้องเพลงให้ฟัง 1 เพลง ซึ่งเอาจริง ๆ พอติดลมก็จะร้องแถม เพลงที่ร้องแต่ละเพลงไม่ถึง 1 นาที แต่ลูกค้าที่มาซื้อของก็จะเสียบแบงก์ที่หูกีต้าร์ให้ 50 บ้าง 100 บาทบ้าง ซึ่งเฉพาะรายได้ส่วนนี้ บางวันก็ได้ 800 ถึง 1,000 บาท หรือก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ก็มีไม่ต่ำกว่า 200 บาท ก็เป็นรายได้พออยู่พอกิน
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“ร้านห่างสรรพสินค้าเซ็นท่าน จะขายตั้งแต่เครื่องดื่มต่าง ๆไข่ น้ำแข็ง มาม่า ปลากระป๋อง ขนมรวมถึงของใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน หรือบางทีนักท่องเที่ยวอยากกินข้าว เมียผมก็จะเปิดครัวทำอาหารตามสั่งอย่างข้าวผัดกะเพราข้าวไข่เจียว ไข่ดาวให้ แต่ไม่ได้เปิดครัวทำอาหารตลอด ส่วนเวลาทำการร้าน จะเปิดตั้งแต่ตี 5ครึ่ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวสายบุญซื้อของเพื่อไปใส่บาตรพระสงฆ์ที่บิณฑบาตผ่านหน้าร้านได้ และเปิดไปถึงช่วง 8 โมงครึ่ง ก็จะปิด แล้วกลับมาเปิดอีกทีตอนเที่ยง พอบ่ายโมงครึ่งก็จะปิดอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาเปิดช่วงเย็น ๆ อีกรอบ”
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“ปุย-จักรรินทร์” บอกกับ “ทีมวิถีชีวิต” ในช่วงท้ายของการสนทนากันว่า ทุกวันนี้เขามีความสุขมากแล้ว สุขแรกคือได้อยู่กับภรรยา สุขต่อมาคือได้ดูแลพ่อตาแม่ยาย และสุขสุดท้ายคือได้ใช้ชีวิตในสังคมที่ไม่แข่งขันกันเกินไป อีกทั้งการที่ได้คุยกับนักท่องเที่ยวก็ทำให้ชีวิตมีสีสัน ส่วน “เป้าหมายต่อไป” เขาบอกว่า “มีปัญหาคือบางกะม่าวันนี้ไม่ค่อยมีเด็กรุ่นใหม่อยากอยู่ ซึ่งถ้าไม่มีใครมาสานต่อแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย อยากให้คนรุ่นใหม่สานต่อให้เดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ สานต่อวิถีบางกะม่า”.
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์‘ฝัน’ ของ ‘เจ้าสัวเซ็นท่าน’
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“ปุย-จักรรินทร์ อยู่พิทักษ์” เจ้าสัวบางกะม่า แห่ง “เซ็นท่าน” ยังเผยกับ “ทีมวิถีชีวิต” ถึงความฝันของเขาไว้ด้วยว่า สิ่งที่อยากทำให้เกิดขึ้นได้จริง ๆ ก็คือ “อยากช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น”เพราะบางบ้านไม่มีลาน เขาจึงแนะนำให้นำพืชผลมาขาย และอีกสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นจริง ๆ คือ “อยากให้ชุมชนมีแหล่งน้ำเพียงพอกว่านี้” เพราะพอมีคนขึ้นมาเที่ยวเยอะขึ้น น้ำจะขาดแคลน ซึ่งหน้าฝนก็ยังพอได้ แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวหน้าแล้งจะมีปัญหามาก ซึ่งการมีแหล่งน้ำที่เพียงพอยังช่วยยุติปัญหากระทบกระทั่งกันของชาวบ้านด้วย เพราะไม่ต้องแย่งน้ำกัน โดยสิ่งที่จะบรรเทาปัญหานี้ได้คือชุมชนต้องมีที่เก็บน้ำ
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์“อย่างที่ชราลานเนี่ยผมก็ไปซื้อถังมือสองมาเก็บน้ำสำรองไว้ 10,000ลิตร เพราะช่วงนี้แขกจะมาแทบทุกวัน แม้จะต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือน เพราะผมไม่ได้เปิดให้วอล์กอิน ต้องจองมาก่อนเพื่อที่จะวางแผนจัดระเบียบถูก ซึ่งพอแขกเต็มปุ๊บ ถ้ามีเพิ่มเราก็จะกระจายไปให้ลานอื่น ๆ ที่ไม่มีคน ผมอยากให้ชาวบ้านมีที่เก็บน้ำสัก 4,000ลิตร แต่มันแพง ถังหนึ่งราคา 6,000-8,000 บาท หรืออย่างน้อยควรมีถังขนาด 2,000ลิตรไว้ใช้ในหน้าแล้งก็ยังดี”.
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์เชาวลี ชุมขำ : รายงาน
เจ้าสัวคนดังไม่ธรรมดาด้วยวิธีคิดปุยจักรรินทร์อยู่พิทักษ์กับหลักชีวิตที่เซ็นท่านบางกะม่าเดลินิวส์