【settee bet】‘น่าคิด!!’โลกสมัยใหม่ ‘นอกใจ-มีชู้’ เข้าสู่‘ยุคเท่าเทียม??’ | เดลินิวส์
ทั้งนี้ ขณะที่หญิงไทย-ชายไทยยุคใหม่มีการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ เกี่ยวกับเรื่องรัก แต่กับกรณี “ชู้” นี่ก็ยังครึกโครมในสังคมไทยจากแวดวงคนมีสถานะคนมีชื่อเสียงอยู่เนือง ๆ ที่ก็แน่นอนว่ามักจะไม่ใช่คนรุ่นใหม่ ซึ่งก็ว่ากันไป อย่างไรก็ตาม กรณี “ชู้” นี่ในเชิงวิชาการก็เคยมีการศึกษาวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์“ชู้ในเชิงวิชาการ” นี่ก็ “น่าพินิจ”
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์น่าคิดกับ “ผลศึกษาปัจจัยการมีชู้”
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์วันนี้ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะ “ชวนคิด”
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์เกี่ยวกับกรณี “ชู้” หรือกรณี “นอกใจ” ที่วันนี้ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะพลิกแฟ้มสะท้อนต่อข้อมูลอีกจากที่เคยสะท้อนไว้บ้างแล้ว นี่เป็นข้อมูลจากงานวิชาการ จากการจัดทำวิทยานิพนธ์ไว้เมื่อปี 2552 ในชื่อหัวข้อ “การวิเคราะห์อิทธิพลส่งผ่านของบุคลิกภาพแบบหลงตนเองและบุคลิกภาพห้าองค์ประกอบต่อพฤติกรรมการนอกใจในคู่สมรส” ซึ่งจัดทำโดย ธันยธร อนันต์วิโรจน์ ในฐานะนักศึกษา สาขาวิชาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้ศึกษาปัจจัยภายในตัวบุคคลที่ส่งผลต่อพฤติกรรมนอกใจ ทั้งเพศชายและหญิง ที่แต่งงานและจดทะเบียนสมรสแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์จากการศึกษา “ปัจจัย”ที่เกี่ยวข้องกับการ“นอกใจ”หรือ “มีชู้”ได้มีการระบุถึงผลที่พบไว้ว่า “ตัวแปรสำคัญ”ที่นำมาใช้ทำนาย “พฤติกรรมการนอกใจ” นั้น มีดังนี้คือ “การผูกมัดกับคู่สมรส”ซึ่งบุคคลที่ได้มีการผูกมัดกับคู่สมรสมักจะพิจารณาถึงผลลัพธ์ระยะยาวจากการกระทำมากกว่าพฤติกรรมที่เป็นผลประโยชน์ในระยะเวลาสั้น ๆ และจริง ๆ ก็มักจะรู้สึกผิด รู้สึกเศร้าเสียใจ หรือรู้สึกอับอาย เมื่อมีพฤติกรรม “นอกใจคู่สมรส” โดยกลุ่มตัวอย่างมักไตร่ตรองและพิจารณาเสมอว่า การกระทำของตนจะทำให้คู่ครองต้องเจ็บปวดเพียงใด?? ด้วยเหตุนี้ เมื่อ เทียบกับกลุ่มที่ไม่มีพฤติกรรมผูกมัด แล้ว พบว่า
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์ถ้า “มีพฤติกรรมผูกมัดกับคู่สมรสสูง”
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์กลุ่มนี้ “ไม่ค่อยมีแนวโน้มคิดนอกใจ”
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์ถัดมา ลองมาดูที่ตัวแปรด้าน “บุคลิกภาพ” ทั้งเรื่องความ “หลงตัวเอง”และการ “เปิดรับประสบการณ์” รวมถึงหัวข้อ “จิตสำนึก” ที่ก็นับว่า มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการ “นอกใจ” ซึ่งพบว่า อิทธิพลตัวแปรในหัวข้อเหล่านี้จะ แตกต่างกันในเพศชายและเพศหญิง กล่าวคือ “เพศชาย” ตัวแปรบุคลิกภาพ ที่มีอิทธิพลต่อการนอกใจมากที่สุดคือ “จิตสำนึก”ส่วนตัวแปรการเปิดรับประสบการณ์ และการหลงตนเอง ในเพศชายนั้นจะเป็นตัวแปรที่มีอิทธิพลในลำดับรอง ๆ ลงมา ขณะที่ใน “เพศหญิง” ตัวแปรบุคลิกภาพ ที่มีอิทธิพลต่อการนอกใจมากที่สุดคือ “หลงตัวเอง”โดยตัวแปรนี้จะมีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อม ส่วนเรื่องจิตสำนึกจะมีอิทธิพลต่อกรณีนี้รองลงมา โดยส่งอิทธิพลทางอ้อมผ่านการพึงพอใจ การผูกมัดกับคู่ และกับการเปิดรับประสบการณ์นั้นเป็นตัวแปรที่ไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมนอกใจของเพศหญิง หรือพูดง่าย ๆ คือการ “มีชู้” นั้น
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์“ชายขาดจิตสำนึก หญิงหลงตัวเอง”
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์ทั้งนี้ โฟกัสในมุมวิชาการ “จิตวิทยาสังคม” เกี่ยวกับเรื่อง “นอกใจ มีชู้” ในมุมนี้ก็ได้มีการเผยผลศึกษาที่พบเอาไว้ว่า เพศชายมีพฤติกรรมนอกใจมากกว่าเพศหญิง ซึ่งก็ตรงกับสภาพสังคมไทยที่มักมองการนอกใจของผู้ชายว่าเป็นเรื่องปกติ?? หรือเป็นธรรมชาติของผู้ชายที่จะเจ้าชู้?? ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิง ที่หากมีพฤติกรรมเช่นเดียวกันก็จะถูกดูหมิ่น และไม่ได้การยอมรับจากสังคม, เมื่อนอกใจ เพศชายจะ “มีการกระทำที่ชัดเจน” มากกว่าเพศหญิง ในขณะที่ พฤติกรรมที่นำไปสู่การนอกใจของเพศหญิง จะมีรูปแบบในลักษณะของการ “หว่านเสน่ห์” แอบขอเบอร์โทรศัพท์ ส่งข้อความ เป็นต้น
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์และเมื่อลองดูต่อที่ตัวแปรเรื่อง “อายุ” ผลศึกษาก็พบว่า คู่สมรสที่มีอายุน้อยมักมีแนวโน้มพฤติกรรมนอกใจได้มากกว่าคู่ที่มีอายุมากเนื่องจากการคิดว่าตนเองยังมีโอกาสที่จะเปิดรับประสบการณ์ได้อีกมากจากผู้ที่ไม่ใช่คู่สมรส หรือเห็นว่าตนเองยังมีทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่า อย่างไรก็ตาม จากการศึกษายังพบข้อมูลน่าสนใจในประเด็น “อยู่ก่อนแต่ง” ด้วย
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์กล่าวคือผลศึกษากลุ่มตัวอย่างพบว่า คู่ที่เคยอยู่ร่วมกัน หรือมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน มักมีพฤติกรรมนอกใจเกิดขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่ที่ไม่เคยอยู่ก่อนแต่ง ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน ซึ่งอาจเพราะการเคยอยู่ร่วมกันมาก่อนได้มีการเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากัน ได้ลองใช้ชีวิตเหมือนคู่แต่งงาน จนแน่ใจว่ามีความพึงพอใจในชีวิตสมรส ดังนั้นเมื่อตัดสินใจแต่งงานกันแล้วจึงไม่ค่อยมีพฤติกรรม “นอกใจ” เกิดขึ้น?? นี่ก็เป็นอีกประเด็นในทางวิชาการที่น่าสนใจ
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์รวมถึง… เพศชาย เพศหญิง มองกรณี “นอกใจ มีชู้” โดยมี “ทัศนคติต่างกัน”ซึ่งเพศชายมักจะตีความนอกใจว่าหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น ขณะที่เพศหญิงมองว่าไม่ว่าจะด้านเพศสัมพันธ์หรือด้านจิตใจก็ถือเป็นพฤติกรรมนอกใจทั้งสิ้น นี่ก็อีกส่วนที่ “ชวนคิด” ที่พบจากการศึกษากลุ่มตัวอย่างที่ตกล่องปล่องชิ้นกันถาวรแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ “ยิ่งชวนคิด”ก็คือ สังคมไทยยุคใหม่นับวันจะ “มีปรากฏการณ์เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ รูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นให้ฮือฮา”กันเป็นระยะ ๆ
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์ยุคใหม่ “เท่าเทียมทางเพศ” มากขึ้น”
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์กับกรณี “นอกใจ มีชู้” นี่ก็ “น่าคิด”
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์ต่อไป “จะเท่าเทียมด้วยมั้ย???”.
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์ทีมสกู๊ปเดลินิวส์
น่าคิดโลกสมัยใหม่นอกใจมีชู้เข้าสู่ยุคเท่าเทียมเดลินิวส์