【เกม เก็บ】อัพเกรดสินค้าชุมชน 'กรณีศึกษาพรมสุรินทร์' พลิกโฉมธุรกิจท้องถิ่น | เดลินิวส์

“ชาวบ้านทำเกษตรกรรมและมีรายได้น้อย จึงหาวิธีเสริมรายได้ จนพบว่ามีโรงงานผ้า 2-3 แห่ง จึงเกิดแนวคิดที่จะนำเศษผ้าสำลีที่เหลือจากโรงงานมาผลิตพรมเช็ดเท้าเพื่อส่งเสริมอาชีพและลดขยะเศษผ้า” เป็นการระบุของ ชัชวาลย์ บุสยาตรัส ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชนพรมเช็ดเท้า บ้านตรึม อ.สีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ที่วันนี้คอลัมน์นี้นำมาเป็นกรณีศึกษา

อัพเกรดสินค้าชุมชนกรณีศึกษาพรมสุรินทร์พลิกโฉมธุรกิจท้องถิ่นเดลินิวส์

ทั้งนี้ ตัวแทนของวิสากิจชุมชนพรมเช็ดเท้าบ้านตรึมเล่าว่า ก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาปี 2549 โดยรับซื้อพรมที่ชาวบ้านทำเพื่อนำไปขายจนเกิดโควิด-19 จึงทำให้ธุรกิจชะงัก เขาและสมาชิกคนอื่นจึงใช้ช่วงเวลานี้ไปอบรม “หลักสูตรธุรกิจปันกัน” ที่ทาง บพท. เป็นผู้จัดทำหลักสูตรนี้ขึ้น เพื่อช่วยพัฒนาธุรกิจชุมชนผ่านแนวคิดคน-ของ-ตลาด ที่ต่างจากหลักสูตรธุรกิจอื่น คือเน้นใช้กระบวนการโค้ชมาช่วยธุรกิจแต่ละรายให้เรียนรู้พัฒนาผ่าน 3 ตัวช่วยคือ 1.SUPER COACHเพื่อเปลี่ยนmindset 2.SUPER BOARD GAME เพื่อสร้าง skillset และ 3.SUPER APP ที่เป็นระบบฐานข้อมูลเพื่อจัดการธุรกิจชุมชนอย่างเป็นระบบ

อัพเกรดสินค้าชุมชนกรณีศึกษาพรมสุรินทร์พลิกโฉมธุรกิจท้องถิ่นเดลินิวส์

ขณะที่นักวิจัย อย่าง นารีนาถ พวงจีน ในฐานะ Super Coach บอกว่า ทางกลุ่มพรมเช้ดเท้าบ้านตรึมแห่งนี้ได้เข้ามาอบรมตั้งแต่ปี 2563 ต่อมาปี 2564 ก็ได้รับการเสริมในเรื่องการจัดการการเงินและการตลาด จากนั้นทีมงานได้ช่วยออกแบบและสร้างแบรนด์ให้ โดยจากการวิเคราะห์ พบว่ากลุ่มมี Pain Pointทั้งจากโควิด และจากความต้องการจะยกระดับผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่น่าสนใจของตลาด และนอกจากนั้นปัจจุบันพรมเช็ดเท้ามีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากจีน ซึ่งมีเทคโนโลยีการทอที่ทันสมัยและราคาถูกกว่า จึงต้องตีโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้พรมเช็ดเท้าของไทยแข่งขันได้

อัพเกรดสินค้าชุมชนกรณีศึกษาพรมสุรินทร์พลิกโฉมธุรกิจท้องถิ่นเดลินิวส์

ส่วนตัวอย่างในการนำความรู้ที่ได้จากการอบรมมาปรับใช้นั้น ชัชวาลย์ เล่าว่า หลังจากนำ Paint Point ของกลุ่มมาวิเคราะห์ก็พบว่า นอกจากฝีมือการทอต้องได้คุณภาพแล้ว การวางกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนก็เป็นกลยุทธ์สำคัญ ซึ่งตอนแรกทางกลุ่มคิดว่าลูกค้าจะเป็นใครก็ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ทำให้กลับมาวางเป้าหมายใหม่และสำรวจลูกค้า จนพบว่าสินค้าพรมเช็ดเท้าของเกลุ่มนั้นมีลูกค้าหลักเป็นแม่บ้านและเกษตรกร ซึ่งชอบทำความสะอาดบ้าน จึงมาโฟกัสที่ลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้น พร้อมกับขยายฐานไปที่ตลาดโมเดิร์นเทรดเพื่อเขาถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น เป็นความเปลี่ยนแปลงของวิสาหกิจชุมชนพรมเช็ดเท้ากลุ่มนี้

อัพเกรดสินค้าชุมชนกรณีศึกษาพรมสุรินทร์พลิกโฉมธุรกิจท้องถิ่นเดลินิวส์

“ตอนนี้สินค้ากลุ่มใช้ชื่อแบรนด์ว่า จีดุง ที่มาจากภาษาส่วยซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของสุรินทร์ ที่แปลว่ากลับบ้าน โดยหลังกลุ่มได้ปรับแนวคิดธุรกิจใหม่ ส่งผลให้สร้างรายได้และสร้างอาชีพเสริมให้คนในชุมชนเฉลี่ย 5,000 บาทต่อคน ต่อเดือน และอนาคตก็คงจะขยายเครือข่ายไปจังหวัดอื่นๆ มากขึ้น กับเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศ” ชัชวาลย์ระบุ และนี่เป็นอีกกรณีศึกษาน่าสนใจจาก จ.สุรินทร์ เกี่ยวกับการ “พลิกโฉมธุรกิจชุมชน” ด้วยการ “ปรับเปลี่ยนแนวคิด” ที่ผู้ประกอบการ และเอสเอ็มอีอื่น ๆ น่าจะนำไปปรับใช้ได้.

อัพเกรดสินค้าชุมชนกรณีศึกษาพรมสุรินทร์พลิกโฉมธุรกิจท้องถิ่นเดลินิวส์

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]

อัพเกรดสินค้าชุมชนกรณีศึกษาพรมสุรินทร์พลิกโฉมธุรกิจท้องถิ่นเดลินิวส์