【imi888】เมื่อ ‘ทรัมป์’ มองโลกร้อน เป็นเรื่อง ‘หลอกลวง’ บิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไร แล้วจะไปยังไงต่อ? | เดลินิวส์
หลังว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเคยกล่าวว่า ความพยายามในการส่งเสริมพลังงานสีเขียวเป็น “การหลอกลวง” คาดการณ์ว่า ทรัมป์ จะพาสหรัฐ ถอนตัวออกจาก “ความตกลงปารีส” ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่นเดียวกับที่เคยทำในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก และยังประกาศอีกว่า จะเพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล และยกเลิกการอุดหนุนเรื่องพลังงานสีเขียว
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์“ทรัมป์”มาหวั่นพลังงานสะอาดสะดุด
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์“ทรัมป์” มีความมุ่งมั่น เน้นเพิ่มการผลิตพลังงานภายในประเทศ และลดข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมที่มองว่า เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการใช้พลังงานจากฟอสซิล เช่น นํ้ามัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน มีเป้าหมายเพิ่มการขุดเจาะนํ้ามันและก๊าซในพื้นที่สาธารณะ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ เช่น ท่อส่งนํ้ามัน และยังลดข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อม เช่น กฎเกณฑ์ของ EPA ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยมลพิษและการควบคุมการใช้พลังงานของโรงงานมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับการลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศโดยส่งเสริมให้สหรัฐ มีความเป็นอิสระทางพลังงานมากขึ้น
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์มาดูมุมมองของภาคเอกชน มองผลกระทบด้านบวก หรือด้านลบในเรื่องนี้อย่างไร เริ่มจาก “จิราพร ศิริคำ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่รายแรกของประเทศไทย มองว่า ต้องติดตามนโยบายของทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐต่อไปว่า จะลดความสำคัญของพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบไหนอย่างไร ซึ่งในส่วนของ เอ็กโก กรุ๊ป มองว่า พลังงานทดแทนยังสำคัญต่อโลกในปัจจุบันและหลายประเทศยังต้องการเชื้อเพลิงสะอาด ดังนั้นบริษัทฯ จะเดินหน้าลงทุนพลังงานทดแทนในสหรัฐต่อไป ผ่านโครงการเอเพ็กซ์ รวมถึงพิจารณาขยายการลงทุนพลังงานทดแทนโครงการใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วย
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์เอ็กโกยังลุยพลังงานสะอาดสหรัฐ
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์ส่วนการลงทุนพลังงานทดแทนในประเทศไทย บริษัทฯ คาดหวังจะได้รับสิทธิดำเนินโครงการไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 ประมาณ 10 โครงการ จากที่ยื่นเสนอโครงการไปมากกว่า 10 โครงการ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทมั่นใจมีความพร้อมลงทุนผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด และคาดรู้ผลประมาณภายในกลางเดือน ธ.ค. 68
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์“ขณะนี้บริษัทฯ ได้เจรจาโครงการควบรวม หรือซื้อกิจการ (เอ็มแอนด์เอ) คาดว่า ภายในไตรมาส 1 ปี 68 จะรู้ผล 1 โครงการในประเทศ กำลังการผลิตประมาณ 500 เมกะวัตต์ และอีก 1 โครงการในต่างประเทศ อีกทั้งยังเจรจาโครงการในสหรัฐอีก 1-2 โครงการ”
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์บ้านปูเป้าชัดเน้นเปลี่ยนอย่างยั่งยืน
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์ส่วนทางฝั่ง “บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน)” ผู้บุกเบิกด้านพลังงานของเอเชีย ดำเนินธุรกิจทั้งถ่านหิน ธุรกิจไฟฟ้า และพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง เปิดถึงมุมมองของ “ทรัมป์” เป็นบวกหรือลบกับธุรกิจ เพราะมีทั้งธุรกิจเหมือง และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนว่า โดย “นนท์ ว่องกุศลกิจ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในมุมมองของบ้านปู ยังต้องติดตามนโยบาย “ทรัมป์” อย่างใกล้ชิดต่อไป แต่ยังมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2030 เน้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ “เอเนอร์จี ซิมโฟนิกส์” เป็นแนวทางผสานพลังงานที่หลากหลาย สร้างโซลูชันพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน ตอบสนองต่อความต้องการพลังงานของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมไปกับการดูแลโลก โดยกลยุทธ์ของบ้านปู เน้นรักษาสมดุลและตอบสามโจทย์ของพลังงาน ได้แก่ การส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้และต่อเนื่อง, การจัดหาพลังงานที่มีราคาสมเหตุสมผลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการจัดหาพลังงาน ยังเดินหน้ากลยุทธ์ 4 ภารกิจสำคัญ 1.เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 และการลดคาร์บอน 2.ตั้งเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2593 3.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 20% 4.ลดสัดส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา หรืออิบิด้าที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ตํ่ากว่า 50% ภายในปี 2573
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์โอกาสหรือหายนะเอสเอ็มอี
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์ด้าน “ปณิตา ชินวัตร” รองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้เปิดบทวิเคราะห์ถึงนโยบายทรัมป์รอบใหม่ว่าจะเป็นโอกาสหรือหายนะสำหรับเอสเอ็มอีไทยว่า การที่ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลง Paris Agreement และการชะลอร่างกฎหมาย Clean Com petition Act ของสหรัฐ อาจส่งผลให้เอสเอ็มอีไทยได้รับอานิสงส์จากนโยบายดังกล่าวโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจขนส่ง รวมถึงเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ในอนาคต ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตนํ้ามันของกลุ่มโอเปค และการเจรจาต่อรองระหว่างผู้ค้านํ้ามันโลก
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์สำหรับมาตรการสีเขียวการที่สหรัฐ จะยกเลิกการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศของโลก เช่น ปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลต่อการลดลงของผลผลิตทางเกษตร รวมถึงสภาพอากาศที่ไม่เอื้อต่อการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งในระยะสั้นอาจเป็นผลดีต่อเอสเอ็มอีไทย อาจชะลอการลงทุนในการปรับตัว เพื่อเข้าสู่เศรษฐกิจสีเขียว แต่ในระยะยาวจะส่งผลเสียต่อการผลักดันเศรษฐกิจคาร์บอนตํ่าของไทยในระยะถัดไป อีกทั้งยังส่งผลต่อการค้าในบางตลาดหรือคู่ค้าที่ให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น สหภาพยุโรป และประเทศที่มุ่งเน้นมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสูง ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และหากการเมืองสหรัฐเปลี่ยนขั้วอีกครั้งก็จะมีผลทำให้เอสเอ็มอีปรับตัวไม่ทันหากยังคงไม่เริ่มดำเนินการ.
เมื่อทรัมป์มองโลกร้อนเป็นเรื่องหลอกลวงบิ๊กธุรกิจไทยมองอย่างไรแล้วจะไปยังไงต่อเดลินิวส์