【betufa เข้าสู่ระบบ】‘ลดต่ำสุด’รอบ 70 ปี ‘เด็กเกิดน้อย’ วิกฤตินี้‘ไทยระทึก!!’ | เดลินิวส์

อีกกรณีหนึ่งที่ระบุข้างต้นคือกรณี “เด็กเกิดใหม่น้อย” ซึ่งนี่จะยึดโยง “กระทบถึงทุนมนุษย์” โดย “เป็นปีที่ 4ที่อัตราเพิ่มประชากรไทยติดลบ เพราะเด็กเกิดน้อยกว่าคนตาย” นี่เป็น “สถานการณ์น่าห่วง” ที่นักวิชาการด้านประชากรได้ระบุไว้ หลังพบว่า ตัวเลขเด็กไทยเกิดใหม่ปี 2567 มีเพียง 461,421 คน โดยที่สถานการณ์เด็กเกิดใหม่ในปี 2567 ที่ผ่านมานั้น

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

“เด็กเกิดใหม่ไม่ถึง 500,000 คนต่อปี”

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

นี่เป็น “ครั้งแรกในรอบ 70 ปี” มานี้!!

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

ทั้งนี้ เกี่ยวกับแนวโน้ม “เด็กเกิดใหม่ต่อปีลดลงเรื่อย ๆ” นี้ เป็นหนึ่งในสถานการณ์สำคัญที่นักประชากรศาสตร์ กับนักเศรษฐศาสตร์ ต่างจับตาใกล้ชิด เนื่องจากอาจ ส่งผลกระทบในหลาย ๆ มิติ ทั้งมิติสังคม แรงงาน เศรษฐกิจ ซึ่งกับ “ภาพรวมสถานการณ์” นี้ ทาง รศ.ดร.จงจิตต์ ฤทธิรงค์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้วิเคราะห์และสะท้อนผ่าน เว็บไซต์เดอะประชากร.คอม ไว้ว่า ปี 2567 เป็นปีแรกในรอบ 70 ปีที่มีเด็กไทยเกิดใหม่ต่ำกว่า 500,000 คนต่อปี หลังจากตั้งแต่ปี 2562 มีเด็กเกิดใหม่ต่ำกว่า 600,000 คนต่อปีมาเรื่อย ๆ

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

รศ.ดร.จงจิตต์ ฤทธิรงค์

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

“สถานการณ์เด็กเกิดน้อย เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างประชากร โดยเร่งอัตราการสูงวัยของประชากรไทยให้สูงเร็วขึ้น เนื่องจากจำนวนเด็กเกิดที่ลดลงทำให้อัตราส่วนผู้สูงอายุต่อประชากรทั้งหมดเพิ่มสูงขึ้น” นี่เป็นผล “การเกิดลดลง” ที่จะทำให้ไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินร้อยละ 28) เร็วขึ้น

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

ทางนักวิชาการท่านเดิมยังเผยไว้เกี่ยวกับผลสำรวจ โดยทางสถาบันวิจัยประชากรและสังคมได้มีการสำรวจความเห็นประชาชนไทย จำนวน 1,042 คน เพื่อสอบถามความคิดเห็นในประเด็น “สถานการณ์เด็กเกิดน้อยและสังคมสูงอายุ” เมื่อช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2567 ซึ่งพบว่า กลุ่มตัวอย่าง 71% เห็นด้วยว่า จำนวนเด็กเกิดน้อยกำลังเป็นวิกฤติของประเทศ และอีก 44% เห็นด้วยกับนโยบายส่งเสริมให้คนไทยมีลูกมากขึ้น ซึ่งผลสำรวจนี้ฉายภาพว่า คนไทยก็มองเรื่องนี้เป็น “ปัญหาสำคัญ”

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

อย่างไรก็ตาม แต่เมื่อลงลึกไปที่กลุ่มตัวอย่างดังกล่าว กลับพบว่า มีผู้หญิงเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่เห็นด้วยกับการมีลูก ในกรณีที่อยู่ในสถานะที่พร้อมจะมีลูก ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่มีสถานะสมรสแล้ว มีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้น หรือคิดเป็น 39% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ที่ตัดสินใจจะมีลูกอย่างแน่นอน ภายหลังจากแต่งงาน ส่วนอีก 30% ระบุว่าอาจจะตัดสินใจมีลูก และ 20% ตอบว่าจะไม่มีลูก ถึงแม้จะแต่งงานแล้ว นี่เป็น “ทัศนคติคู่สมรสคนไทย” เกี่ยวกับ “การมีลูก”ในสังคมไทยยุคใหม่

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

ผลสำรวจนี้ยังพบอีกว่า หัวข้อคำถามอย่าง “ถ้าคู่รักหรือคู่แต่งงานมีสุขภาพแข็งแรง และอยู่ในวัยที่มีลูกได้ จะมีลูกหรือไม่?” กลุ่มตัวอย่าง 53% ที่ตอบว่าจะมีลูกนั้น เมื่อจำแนกแล้ว พบว่า เจนเนอเรชัน X ขึ้นไปมีสัดส่วนมากสุดที่จะมีลูก หรือคิดเป็น 60% รองลงมาคือ เจนเนอเรชัน Z คิดเป็น 55% และ เจนเนอเรชัน Y คิดเป็น 44% ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้ว่า การตัดสินใจมีลูกมีความแตกต่างกันระหว่างเจนเนอเรชัน โดยเจนเนอเรชัน X มีแนวโน้มจะมีลูกสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม แต่ก็มี “ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจมีลูก”ของเจนเนอเรชันนี้ ได้แก่ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ค่านิยมแต่ละช่วงวัย และปัจจัยทางสังคม เช่น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความกังวลความสมดุลระหว่างการทำงานกับการเลี้ยงดูลูก เป็นต้น

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

“การที่ประชากรเพียง 1 ใน 3 ของผู้ที่อยู่ในสถานะสมรส หรือคิดเป็น 36% ยืนยันว่าจะมีลูก กรณีนี้อาจเป็นสัญญาณที่แสดงถึงแนวโน้มอัตราเกิดที่ลดลง ซึ่งเป็นประเด็นที่ควรได้รับการพิจารณาหากรัฐบาลยังต้องการสนับสนุนให้มีจำนวนเด็กเกิดใหม่เพิ่มขึ้น” เป็นการระบุไว้โดย รศ.ดร.จงจิตต์ ฤทธิรงค์ กรณีจะแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

ทั้งนี้ กับ “ปัญหาอัตราเกิดต่ำ” กรณีนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะแค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก ด้วยเหตุนี้รัฐบาลหลาย ๆ ประเทศจึงพยายามจะสนับสนุนให้ประชากรของประเทศมีลูกเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้อัตราเจริญพันธุ์โดยรวมเพิ่มขึ้นได้มากนัก แม้มีการนำนโยบายต่าง ๆ มาใช้ อาทิ สิงคโปร์ ที่ดำเนินการมาตรการภาษีและเงินอุดหนุนหรือสมทบ ควบคู่ไปพร้อมกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการตัดสินใจมีลูก และการดูแลลูก เช่น การสนับสนุนโครงการสร้างสมดุลชีวิตกับการทำงาน หรือการเพิ่มจำนวนสถานเลี้ยงเด็ก เพื่อจูงใจให้ประชาชนอยากมีลูกเพิ่มมากขึ้น

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

หรืออย่างกรณี เกาหลีใต้ ที่มีอัตราเจริญพันธุ์โดยรวมต่ำที่สุดในโลก และกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอดอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ได้มีแนวคิดในการจัดตั้งกระทรวงใหม่เพื่อวางแผนและรับมือกับวิกฤติประชากรที่กำลังทวีความรุนแรงอย่างจริงจัง เพื่อบรรเทาและแก้ปัญหาจากเรื่องนี้ นี่เป็นบางส่วนของการปรับตัวของประเทศอื่น ๆ เพื่อที่จะแก้วิกฤติเรื่องนี้

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

“แม้ไทยมีนโยบายส่งเสริมการมีบุตร แต่ก็ยังต้องมีมาตรการที่สอดคล้องกับความต้องการและข้อกังวลของประชาชนด้วย แม้คนส่วนใหญ่จะเห็นว่าเรื่องนี้คือวิกฤติ แต่การตัดสินใจมีลูกนั้นก็ยังขึ้นกับปัจจัยส่วนบุคคล เช่น สถานภาพเศรษฐกิจ ความพร้อมสุขภาพ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องตีให้แตก เพื่อชะลอวิกฤตินี้” ทางนักวิชาการท่านเดิมชี้ไว้

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

“เด็กไทยเกิดต่ำ” ก็จะ “มีทุนมนุษย์ต่ำ”

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

ปีนี้ “ต้องลุ้น นโยบายมีลูกเพื่อชาติ”

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

ต้องลุ้น “ให้ซัคเซส ชะลอวิกฤติได้”.

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์

ลดต่ำสุดรอบปีเด็กเกิดน้อยวิกฤตินี้ไทยระทึกเดลินิวส์