【river club casino】CHANEL Cruise in Hong Kong บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
2024 เป็นปีที่อุตสาหกรรมแบรนด์ลักชัวรีถูกตั้งคำถามมากมายถึงบทบาท การเติบโต สภาวะเศรษฐกิจ ยอดขาย และการเดินหน้าต่อไป ท่ามกลางทั้งโอกาสที่เพิ่มขึ้นและอุปสรรคที่ไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่ง CHANEL เองเป็นผู้เล่นอันดับต้นๆ ของวงการที่ถูกสปอตไลต์ส่องและจับตามองตลอดเวลา เพราะทุกก้าวที่แบรนด์ฝรั่งเศสเจ้านี้เลือกเดินส่งผลกระทบไม่มากก็น้อยต่อวงการ
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ล่าสุด CHANEL ได้บททดสอบใหม่กับการเลือกจัดแฟชั่นโชว์รูปแบบ Replica ของคอลเล็กชัน Cruise 2024/25 อีกครั้งหนึ่งที่ฮ่องกง หลังเปิดตัวครั้งแรกไปที่เมืองมาร์กเซย ทางตอนใต้ประเทศฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยคอลเล็กชัน Cruise ถือว่ามีสำคัญมหาศาลต่อแบรนด์ CHANEL เพราะ Gabrielle Chanel เป็นดีไซเนอร์คนแรกที่เริ่มทำคอลเล็กชันนี้ในปี 1919 และต่อมาในปี 2000 Karl Lagerfeld ก็ทำให้ CHANEL เป็นแบรนด์แรกที่จัด Destination Fashion Show สำหรับคอลเล็กชันนี้ตามหัวเมืองต่างๆ รอบโลก
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
โดยต้องยอมรับว่าครั้งแรกที่คอลเล็กชัน Cruise 2024/25 ณ มาร์กเซย ได้รับการเผยแพร่สู่สายตาผู้ชมทั่วโลก โชว์นี้ก็โดนวิจารณ์ไม่น้อย ทั้งเรื่องสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจจนทำให้แฟชั่นโชว์ดูไม่มีชีวิตชีวา การเลือกกลุ่มแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ค่อนข้าง Niche และการจัดโชว์ที่อาคาร Unité d’habitation ซึ่งออกแบบโดย Le Corbusier สถาปนิกระดับตำนาน ที่ถึงแม้จะมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ แต่หลายคนก็อาจคิดว่าด้วยการจัดโชว์ในเมืองท่าเรืออย่างมาร์กเซย รูปแบบโชว์ควรจะมีความเป็น Alluring French Summer ติดชายทะเล และทำให้ชวนฝัน
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
1 เดือนต่อมา CHANEL ประกาศข่าวช็อกวงการว่า Virginie Viard ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์ตัดสินใจลาออก หลังสานต่อตำแหน่งนี้จาก Lagerfeld ที่เธอเป็นมือขวามาหลายสิบปี โดย Cruise 2024/25 จะเป็นคอลเล็กชันสุดท้ายของเธอ พร้อมปิดจบ 5 ปีพอดีในฐานะผู้กุมบังเหียนของ CHANEL หลังโชว์แรกอย่างเป็นทางการของ Viard คือ Cruise 2019/20
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ลุคเปิดคอลเล็กชัน CHANEL Cruise 2024/25
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
เพราะสถานการณ์ของ CHANEL ในช่วงนั้นที่ถูกตั้งคำถามมากมายถึงอนาคต ผมเองก็คิดว่าแบรนด์ไม่น่าตัดสินใจจะนำโชว์ Cruise 2024/25 มาโชว์อีกรอบ และคงข้ามไปก่อน แต่พอเว็บไซต์ WWD ประกาศข่าวว่าจะมาจัดที่ฮ่องกงต้นเดือนพฤศจิกายนก็ต้องยอมรับว่าแอบแปลกใจและรู้สึกว่า CHANEL คงต้องปรับรูปแบบและการนำเสนอหลายอย่าง เพื่อจะทำให้โชว์และคอลเล็กชันนี้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
แต่ทำไมเลือกจัดที่ฮ่องกง? นั่นคือหนึ่งในคำถามต่อไปของผม เพราะแม้ Bruno Pavlovsky ประธานหน่วยแฟชั่นของ CHANEL เคยบอกผมที่โตเกียวเมื่อปีก่อนว่าแบรนด์จะจัดโชว์ Replica ในเมืองหนึ่งของเอเชีย ผมก็นึกว่าจะเป็นเมืองที่กำลังเป็นกระแสอย่างโซล, เซี่ยงไฮ้, กรุงเทพฯ, ไทเป หรือแบบฉีกไปเลย เช่น มุมไบประเทศอินเดีย ที่กำลังเป็น Emerging Market ที่หลายแบรนด์ให้ความสนใจ
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
แต่เพราะ CHANEL เป็นแบรนด์ที่ชอบ Connect the Dot และต้องมีเรื่องราวเชื่อมโยงไปเสียทุกอย่าง ผมก็ได้มารู้ว่าฮ่องกงเป็นหนึ่งในเมืองแรกๆ ของเอเชียที่ CHANEL มาเปิดกิจการตั้งแต่ปี 1979 และเคยอยากมาจัดแฟชั่นโชว์ตั้งแต่ปี 2019 แต่เจอปัญหาเรื่องการเมืองเลยต้องยกเลิกไป แถมผมว่าในช่วงหลังหลายแบรนด์ก็เลือกฮ่องกงมาจัดโชว์เช่นกัน เพราะอยากช่วยให้เมืองกลับมาผงาดอีกครั้ง รวมถึงต้องเร่งเครื่องในกลุ่มตลาดจีนซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญต่อธุรกิจ แถมหากดูลูกค้ากลุ่มโอต์กูตูร์ของ CHANEL Pavlovsky เผยว่าที่ฮ่องกงก็สูงเทียบเท่าสหรัฐฯ ซึ่งการจะบิลด์สินค้า Ready-to-Wear อย่างคอลเล็กชัน Cruise ก็สำคัญไม่แพ้กัน
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ภาพจากภาพยนตร์สั้นเรื่อง Modern Flirt
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ข้ามมาวันที่ 4 พฤศจิกายน 1 วันก่อนแฟชั่นโชว์ กิจกรรมแรกที่ CHANEL เชิญผมไปร่วมคือทอล์กในชื่อ ‘Hong Kong Frames: CHANEL and Cinema’ ณ สตูดิโอถ่ายหนังระดับตำนาน Shaw Studios ซึ่งทำให้ผมเห็นว่าโชว์ Cruise 2024/25 ในครั้งนี้จะได้รับการร้อยเรื่องไปกับโลกภาพยนตร์ ซึ่งเป็นแง่มุมเชิงวัฒนธรรมที่ CHANEL สนับสนุนและผลักดันมายาวนานตั้งแต่สมัย Chanel ผู้ก่อตั้ง และเป็นมรดกสำคัญต่อฮ่องกง เพราะในยุคหนึ่ง Hong Kong Cinema ถือว่าทรงอิทธิพลมากๆ โดยเฉพาะผลงานภาพยนตร์อย่าง Chungking Express ของผู้กำกับ Wong Kar-Wai หรือภาพยนตร์ของ Chow Yun Fat ที่มาเป็นแขกของโชว์ในครั้งนี้ด้วย
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ที่ทอล์กในครั้งนี้ผมมีโอกาสร่วมชมพรีเมียร์ภาพยนตร์สั้นเรื่อง Modern Flirt ของ Audrey Diwan ผู้กำกับหญิงมากฝีมือสัญชาติฝรั่งเศส ที่มาทำให้เพื่อเป็นทีเซอร์โปรโมตโชว์ และได้นักแสดงแถวหน้าของฮ่องกงอย่าง Angela Yuen มาเป็นนางเอก ผมว่า CHANEL ฉลาดที่ทำโปรเจกต์ Cross-Cultural Collaboration แบบนี้ เพื่อทำให้คนจากตะวันตกและตะวันออกมาทำงานร่วมกันแทนที่จะเป็นทีมฝรั่งเศสหรือทีมฮ่องกงดูแลเองทั้งหมด
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
จากซ้าย: ใบปอ ธิติยา, บลู พงศ์ทิวัตถ์ และ Chow Yun Fat
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
มาถึงวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน ดีเดย์วันสำคัญที่สุดที่แฟชั่นโชว์ Cruise 2024/25 จะเกิดขึ้น โดย CHANEL จัด 2 รอบกับแขกรวมกันราว 2,000 คน ณ สถาบันสอนดีไซน์ Hong Kong Design Institute (HKDI) ในย่าน Tseung Kwan O ซึ่งถือว่าเป็นโลเคชันที่ผมแอบแปลกใจในตอนแรก เพราะนึกว่า CHANEL จะเลือกอะไรที่ไอคอนิกสำหรับฮ่องกง เช่น พิพิธภัณฑ์ M+ กับวิวสกายไลน์ของเกาะ แต่เพราะแบรนด์น่าจะอยากได้อะไรไม่คาดคิดและสดใหม่ สถาบัน HKDI ก็ถือว่าตระการตาไม่แพ้กันกับดีไซน์ที่ออกแบบโดย Coldefy Associés บริษัทสถาปนิกจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกจุดเชื่อมโยงกับการที่ CHANEL เป็นแบรนด์ฝรั่งเศส
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
นอกจากนั้น โชว์ในครั้งนี้ยังถือว่าเป็นครั้งแรกที่ CHANEL ตัดสินใจจัดในสถาบันสอนหนังสือ ซึ่งหลายเดือนก่อนที่โชว์จะเกิดขึ้น แบรนด์พากลุ่มนักศึกษาจาก HKDI ไปทัศนศึกษาที่ปารีสและมาร์กเซยด้วย เพื่อช่วยหาแรงบันดาลใจและนำมาต่อยอดในผลงานตัวเอง ซึ่งผมว่าดีมากๆ เพราะเชื่อว่าเด็กเหล่านี้ที่เป็นความหวังของอนาคตก็คงไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะได้รับการมองเห็นและเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ CHANEL
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
แฟชั่นโชว์ CHANEL Cruise 2024/25 ที่ HKDI
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
รันเวย์ของโชว์ CHANEL Cruise 2024/25 ที่ HKDI ถือว่าเรียบง่ายคล้ายกับโชว์ดั้งเดิมที่มาร์กเซย มีกิมมิกแค่ตรงที่ให้นางแบบรวม 70 ชีวิตเดิน 2 ชั้น แต่สิ่งที่ผมว่าดีขึ้นอย่างมากคือเพลงประกอบโชว์ที่รอบนี้ Michel Gaubert มิวสิกไดเรกเตอร์ทุกโชว์ของ CHANEL เน้นเพลย์ลิสต์อยู่ที่ 2 ศิลปิน ทั้ง Nathan Micay ดีเจจากแคนาดา และ Kelly Lee Owens ศิลปินอิเล็กทรอนิกส์จากเวลส์ ที่ Dark Angel เพลงฟินาเล่ของเธอกับซาวด์ Euphoria และ Positive Energy ก็ทำให้ผมน้ำตาไหลตอนนั่งดูโชว์
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้กับแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้คือการปรากฏตัวของ ออกแบบ ชุติมณฑน์ แบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกจากประเทศไทยที่เดินในลุค 66 ซึ่งต้องบอกว่างดงามและสำหรับผมมองว่าเป็น Full Circle Moment สำหรับเธอ เพราะโปรเจกต์แรกที่ออกแบบเริ่มทำงานกับ CHANEL คือการถ่ายทีเซอร์โชว์ Replica คอลเล็กชัน Cruise 2018/19 ที่มาจัดที่กรุงเทพฯ โดยผมว่านี่เป็นการสร้างโมเมนต์ Thai Pride และตอกย้ำบทบาทของคนไทยบนเวทีลักชัวรีโลกที่ก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
จากซ้าย: กลุ่มแบรนด์แอมบาสเดอร์ Penelope Cruz, Whitney Peak และ ออกแบบ ชุติมณฑน์
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ส่วนแบรนด์แอมบาสเดอร์อีกคนจากเอเชียที่ผมต้องพูดถึงและส่วนตัวตื่นเต้นมากๆ ที่ได้เจอครั้งแรกคือ G-DRAGON ซึ่งกลายเป็นดาวเด่นของงานก็ว่าได้ หลังห่างหายไปกับการร่วมชมโชว์ CHANEL กว่าปีครึ่ง และคราวนี้เขามาในช่วงเวลาที่คัมแบ็กกับผลงานเพลงใหม่ในรอบ 7 ปีอย่าง POWER พอดี
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
G-DRAGON ถือได้ว่าเป็นผู้เบิกทางกับการเป็นศิลปิน K-Pop คนแรกๆ ที่เป็นแอมบาสเดอร์ให้กับแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่อย่าง CHANEL ตั้งแต่ปี 2016 และทำให้เห็นถึงการสร้างมูลค่ามหาศาลต่อแบรนด์ บวกกับทำให้เห็นว่า CHANEL ร่วมงานกับแอมบาสเดอร์แบบ Long Term จริงๆ โดยไม่เน้นความฉาบฉวยเพื่อหวังผลระยะสั้น พร้อมให้อิสระกับดาราและศิลปินในการมิกซ์แอนด์แมตช์ชุดของ CHANEL ได้ตามใจชอบ ซึ่งลุคของ G-DRAGON ที่โชว์ Cruise 2024/25 กับแจ็กเก็ตทวีดสีชมพูแมตช์กับเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้ก็ยังคงความลื่นไหล Androgyny และผมเชื่อว่าจะทำให้ผู้ชายหลายคนอยากเริ่มแต่งใส่เสื้อผ้า CHANEL อีกครั้ง แม้แบรนด์ยังหนักแน่นว่าจะไม่ทำ Menswear ก็ตาม
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
จากซ้าย: Penelope Cruz, นักศึกษาจากสถาบัน HKDI และ Bruno Pavlovsky ช่วง The CHANEL Talk
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
แต่ท่ามกลางความสำเร็จของโชว์ CHANEL Cruise 2024/25 ที่ฮ่องกง ผมมองว่าเราคงมองข้ามสถานการณ์ของอุตสาหกรรมลักชัวรีไม่ได้ ซึ่งกำลังเผชิญความท้าทายและยอดขายที่ไม่ได้เติบโตเทียบเท่าช่วงโรคโควิด โดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนนิยามช่วงนี้ว่าคือ ‘Luxury Reset’ และแนะนำว่าแบรนด์ต่างๆ ต้องหาวิธีการที่จะรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น แต่สำหรับ CHANEL แล้วทางแบรนด์กลับไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น โดย Pavlovsky พูดในช่วง The CHANEL Talk กับ Tyler Brûlé เจ้าของนิตยสาร MONOCLE ในช่วงก่อนโชว์ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของวงการลักชัวรีเป็น ‘Normal Crisis’ ในมุมของเขา ที่ไม่ควรต้องแตกตื่นอะไรขนาดนั้นและเป็นช่วงเวลาที่ CHANEL กลับมองว่าต้องลงทุนให้มากขึ้นด้วยซ้ำ โดยเฉพาะกับประสบการณ์ของลูกค้าในแต่ละบูติกทั่วโลก เพื่อให้สร้าง Brand Loyalty เพราะเขาเปรียบว่า CHANEL คือ ‘True Luxury’ ที่จะไม่มีวันตายจากไปไหนอย่างแน่นอน ซึ่งความคิดนี้ตรงกับสิ่งที่ Leena Nair ซีอีโอของ CHANEL เพิ่งไปพูด ณ Stanford Graduate School of Business เมื่อเดือนก่อนว่าวัฏจักรของแฟชั่นก็มีขึ้นและลงเป็นธรรมดา
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ส่วนตัวผมว่า CHANEL สามารถพูดแบบนี้ได้ เพราะแบรนด์ไม่ได้เป็นบริษัทมหาชนที่ต้องรายงานผลประกอบการทุกไตรมาสเหมือนคู่แข่งหลัก ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมกับความกดดันเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และอีกอย่างหนึ่งที่อาจสำคัญมากกว่าคือเมื่อสังเกตแขกที่มาดูโชว์ CHANEL Cruise 2024/25 ที่ฮ่องกง หรือกับ CHANEL Spring/Summer 2025 ที่ปารีสเมื่อเดือนก่อน ผมว่า CHANEL โชคดีที่สามารถบิลด์ฐานลูกค้าที่กว้างขวางมากและมีสินค้าตอบโจทย์ทุกสไตล์โดยไม่ต้องพึ่งพาชื่อเสียงของดีไซเนอร์แล้ว เพราะผมเชื่อว่าลูกค้าหลายคนที่เข้าร้าน CHANEL จะที่กรุงเทพฯ, สตอกโฮล์ม, โตเกียว, บาร์เซโลนา หรือดูไบ คงไม่ได้สนใจขนาดนั้นว่าใครเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ แต่แค่ต้องการอะไรจากแบรนด์ที่บ่งบอกความเป็น CHANEL และเข้ากับตัวตนของเขาหรือเธอ ซึ่งจะดูตะโกนแบบมีโลโก้ C ไขว้เต็มชุดหรือจะเป็นสูทผ้าทวีดเรียบๆ แบรนด์ก็มีตัวเลือกให้หมด
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
Margaret Zhang ช่วงกิจกรรม Radio CHANEL ก่อนแฟชั่นโชว์
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
แต่แน่นอนสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในวงการแฟชั่น ประเด็นเรื่องครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนใหม่ของ CHANEL ยังคงถูกตั้งคำถามในทุกบทสนทนาและมีข่าวลือออกมาเป็นรายวันก็ว่าได้ เมื่อผมได้สัมภาษณ์ Pavlovsky เป็นครั้งที่ 4 ที่ฮ่องกง ก็ไม่พลาดที่จะอัปเดตประเด็นนี้ ซึ่งเขาพูดอ้อมๆ ว่า “มันสำคัญมากที่เราต้องใช้เวลาในการหาคนที่ใช่สำหรับ CHANEL เพราะเราต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าต้องการอะไรจากอาร์ทิสติกไดเรกเตอร์คนใหม่ ซึ่งคุณอย่าลืมว่าเราทำงานกับ Lagerfeld มา 35 ปี และต่อมากับ Viard ที่เป็นเหมือนลูกสาวของ Lagerfeld โดยเรากำลังมองหาและศึกษาว่าอยากนำ CHANEL ไปในทิศทางไหน และกำลังเตรียมตัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ ซึ่งผมเชื่อว่าบริษัทเราพร้อมแล้วที่จะลองอะไรใหม่ๆ แต่คำถามตอนนี้คือเวลาไหนเหมาะสมที่สุด โดยสิ่งที่เสี่ยงสำหรับผมคือการเดินหน้าเร็วเกินไป เรายังต้องใช้เวลา ยังต้องรู้ว่าอยากได้อะไร ไม่อยากได้อะไร แต่แน่นอนสำหรับ CHANEL มันคือเรื่องของ Heritage และการที่จะสะท้อนสิ่งนี้ต่อไปในอนาคต ซึ่งเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับเรา โดยขั้นตอนการหาคนคนนี้กำลังไปได้ดีและวันหนึ่งคุณตื่นมาก็จะเจอกับคำตอบที่สร้างเซอร์ไพรส์ว่าเขาคือใคร”
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ท้ายสุดเพื่อปิดจบบทความนี้ ผมว่าคำตอบที่ Pavlovsky ให้กับคำถามของผมว่า “CHANEL สนใจที่จะเปิดคาเฟ่หรือร้านอาหารเหมือนแบรนด์อื่นๆ ไหม” จะเป็นกระจกสะท้อนว่าอนาคตของแบรนด์นี้คืออะไร ซึ่งเขาพูดว่า “เราไม่สนใจทำคาเฟ่หรือร้านอาหาร เพราะเราทำสิ่งพวกนั้นไม่เป็น เรามีทีมที่ยอดเยี่ยมมากในการดีไซน์เสื้อผ้าที่เปี่ยมไปด้วยงานฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุด แม้หลายแบรนด์เลือกที่จะไปทำร้านอาหารกับเชฟต่างๆ แต่คุณว่ามันน่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเราต้องเสิร์ฟเค้กพร้อมตกแต่งโลโก้ CC? ซึ่งแน่นอนเราทำได้และผมรู้จักหลายเชฟที่จะอยากทำ แต่สิ่งนี้จะสร้าง Value ต่อ CHANEL จริงๆ เหรอ? ผมเองไม่ค่อยแน่ใจนะ โดยผมขอซีเรียสหน่อยกับประเด็นนี้ตรงที่ว่าสิ่งที่เราต้องมอบให้กับลูกค้าของเรา ณ วันนี้คือประสบการณ์ที่ดีสุดในบูติกของเราพร้อมกับความเชี่ยวชาญที่เรามี ไม่ใช่ต้องมาเล่นกิมมิกอะไรอื่นๆ โดยคุณต้องจำไว้ว่า CHANEL ยังสร้างรายได้ที่สูงมากทุกปี และเราไม่ใช่ธุรกิจขนาดเล็กที่โฟกัสไปทางแฟชั่นและแอ็กเซสซอรีสำหรับผู้หญิงเป็นหลัก โดยข่าวดีที่ผมจะบอกคุณเลยคือเราจะยังโฟกัสสิ่งนี้ต่อไป”
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
Angèle แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ CHANEL แสดงช่วง After Party
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่
ภาพ: CHANEL
บททดสอบและอนาคตของแบรนด์ลักชัวรียักษ์ใหญ่TAGS: แฟชั่นโชว์ (Fashion Show)