เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “สส.หัวเขียง” ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพล ห้ามมิให้ใช้กำลังทหารหรือข้าราชการทหารเพื่อกระทำการควบคุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินจากรัฐบาล หรือเพื่อก่อการกบฏ หากพบว่านายทหารคนใดอาจมีพฤติการณ์ดังกล่าวให้อำนาจนายกฯ-ครม.สั่งให้นายทหารคนดังกล่าว หยุดปฏิบัติหน้าที่ได้

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

“เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า “ถ้าเป็นเรื่องการสกัดการรัฐประหารนั้นไม่เห็นด้วย เงื่อนไขการรัฐประหารมีอยู่แค่ไม่กี่เงื่อนไข ส่วนใหญ่ก็มาจากนักการเมืองทั้งนั้น เราก็อย่าไปทำตัวเข้าเงื่อนไขเหล่านั้น มันก็จะรัฐประหารไม่ได้ ต่อให้ออกกฎหมายอะไรมา ถ้ามีการรัฐประหาร สิ่งแรกที่ทำก็คือการฉีกรัฐธรรมนูญ ดังนั้น กฎหมายที่จะทำก็อาจเป็นแค่สัญลักษณ์” และยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย ..ซึ่งเมื่อภูมิใจไทยไม่เห็นด้วย ก็เป็นไปได้สูงว่า แม้ร่างจะผ่านสภาด้วยเสียงของพรคประชาชน (ปชน.) กับเพื่อไทย สว.ก็ไม่สนับสนุน

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

ขณะที่ “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องกฎหมายเข้าสู่ชั้นที่ประชุมสภากลาโหมแล้ว รอดูการปรับปรุง ในฐานะประธานสภากลาโหม ไม่อยากให้ความเห็นไปก่อน ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า แนวทางจะออกมาอย่างไร อย่าเพิ่งไปคิดว่าลดอำนาจทหารหรือไม่ เพราะตนเองไม่มีเจตนานี้ กองทัพกับการเมืองวันนี้ก็ยังคุยกันดี ไม่มีเหตุอะไรที่จะไปล้วงลูกฝ่ายข้าราชการ

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

เมื่อถามว่า การเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยกังวลว่าจะมีการรัฐประหารใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ผู้เสนอมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นแต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ในส่วนพรรคดำเนินการอย่างไรก็จะต้องมีการพูดคุยกันอีก พรรคเพื่อไทยยังไม่มีจุดยืนเรื่องมติ

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

การเคลื่อนไหวคัดค้าน MOU 44 ก็มีอย่างต่อเนื่อง ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ 2 อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร และ ครม. เพื่อคัดค้านและขอยกเลิก MOU 44 เพราะอาจทำให้ไทยสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลในพื้นที่อ้างสิทธิทางทะเลไทย-กัมพูชา

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

พธม. ขอให้นายกฯ และ ครม. รักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของไทย และแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีป ให้ ครม.พิจารณามีมติให้ส่ง MOU 44 และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทยกับนายฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตราหนึ่งและมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญไทยหรือไม่

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขัดรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกการเจรจา ปฏิเสธเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที แต่หากศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ขอให้ ครม. เจรจากับกัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU 44 และ JC 2544 ทันที ให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วม โดยใช้หลักการของ เส้นมัธยะ (เส้นที่ชนกันระหว่างการขีดเส้นน่านน้ำไทย-กัมพูชา) ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง ให้จัดเวทีสาธารณะแก่ประชาชนเรื่อง MOU 44 และ JC 2544 โดยให้ความรู้ความเข้าใจที่เป็นกลาง เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศ

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

“ขอให้ ครม.พิจารณาและแจ้งผลการพิจารณากลับภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ ครม.ได้พิจารณา MOU 44 เกิดขึ้นเพราะนายทักษิณ ชินวัตร จับมือกับนายฮุน เซน เพื่อร่างเอ็มโอยู 2544 ลากเส้นของกัมพูชาเข้ามากินในพื้นที่ของคนไทย และคนร่างเอ็มโอยู 2544 คือนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรมว.การต่างประเทศ เพราะนายสุรเกียรติ์ต้องการให้นายทักษิณส่งเสริมให้ตัวเองเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติในตอนนั้น” นายสนธิ กล่าว

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

นายสนธิ กล่าวว่า ตอนต่อไปจะร้องเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร และจะส่งเอกสารให้ สส. สว.ทุกคนยืนยันสิทธิของประเทศไทย หาก สส. สว. คนไหนลงมติเห็นชอบ MOU 44 จะถือว่าอยู่ในขบวนการร่วมกันขายชาติเช่นกัน หากอนาคตความจริงปรากฏ จะทำให้ สส. สว.ที่ยกมือก็จะติดคุกติดตะรางในฐานะขายชาติ และจะยื่นหนังสือร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาได้รับทราบว่าถ้าท่านไม่ปกป้องอาณาเขตไทย ร่างสัญญาใหม่แล้วตกลงทำตาม ท่านก็คือข้าราชการขายชาติเช่นกัน การต่อสู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว ถ้าสุดซอยแล้วไม่ได้เรื่อง ก็จะทะลุซอย

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

ด้านอดีต รมว.การต่างประเทศ นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าบอกว่าถ้าเจรจาตาม MOU 44 จะทำให้เสียดินแดนนั้นไม่จริง การอ้างว่า MOU 44 จะทำให้ไทยเสียดินแดนเพราะไทยไปยอมรับเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชา ก็ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีเนื้อหาตอนใดของ MOU 44 ที่ไปยอมรับเส้นของกัมพูชา เนื้อหาในข้อ 5 ของ MOU 44 ปกป้องสิทธิฝ่ายไทยไว้ ตามที่ระบุไว้ว่าตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลงเรื่องการแบ่งเขตทางทะเล ให้ถือว่า เนื้อหา MOU 44 จะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

“การเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 44 จะมีผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องจากหลังยกเลิก การประกาศเขตไหล่ทวีปของแต่ละฝ่ายก็จะยังคงอยู่ พื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน 26,000 ตร.กม. ไทยและกัมพูชาไม่สามารถเข้าไปสำรวจขุดเจาะน้ำมันและแก๊สในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนได้ ไม่มีใครจะได้ประโยชน์ เงื่อนไขของ MOU ที่ผูกพันให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาแบ่งเขตทางทะเลตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศก็จะสิ้นผลไปพร้อมกับการยกเลิก เมื่อไทยไม่ยอมรับเส้นของกัมพูชา แล้วจะไปยกเลิกช่องทางการเจรจาให้ได้ข้อสรุปที่สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศไปเพื่ออะไร” นายนพดล กล่าว

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

อีกเรื่องหนึ่ง ป.ป.ช. ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกิจกรรมเนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด Fight Against Corruption สู้ให้สุด หยุดการโกง นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า จากการศึกษาขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) ในปีที่ผ่านมา สะท้อนว่าการทุจริตที่เป็นจุดอ่อนสำคัญของไทย คือ การซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง การทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบน ฯลฯ ส่งผลต่อคะแนน CPI ของไทยอยู่ในระดับคงที่ มีคะแนน 35-36 คะแนนจาก 100 คะแนน แสดงให้เห็นว่าปัญหาการทุจริตยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าปัญหาการทุจริตที่พบมาก คือ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพราะเป็นจุดตั้งต้นการใช้งบประมาณของรัฐบาล ป.ป.ช.พยายามป้องปราม เฝ้าระวังไม่ให้เกิดปัญหา เห็นว่านักลงทุนต่างชาติจะเป็นกระบอกเสียงสำคัญในการสะท้อนการทำงานของภาครัฐ

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์

เลขาธิการ ป.ป.ช.ยังบอกด้วยว่า คดี “แม้วชั้น 14” ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ส่วนบัญชีทรัพย์สิน “นายกฯ อิ๊งค์” ยื่นมาเรียบร้อยแล้ว หลังตรวจสอบ 30 วันก็จะเปิดเผยต่อสาธารณชน

กมต้านรัฐประหารส่อแท้งเดลินิวส์