【like casino】‘มีอนาคต’ลุยส่งออก ‘ลุ้นหมากไทย’ ส่งขาย‘ตีตลาดโลก!’ | เดลินิวส์
ทั้งนี้ แม้ในไทยจะเคี้ยวหมากกันน้อยมากแล้ว หากแต่ในตลาดโลกนั้น “หมากยังเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ” โดย “หลายประเทศยังมีความต้องการสูง”ซึ่งถ้าประเทศไทยสามารถ “เพิ่มส่งออกหมากไทยในตลาดประเทศใหญ่ ๆ”ได้ ก็ “น่าสนใจ”
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์ถ้า “หมากไทยฮิตในประเทศบิ๊ก ๆ”
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์ก็จะ “มีโอกาสจะดึงเงินเข้าไทยได้ดี”
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์กรณี“หมากไทย”นี่วันนี้ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นข้อมูลข้อเสนอจากผลศึกษาของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) นำโดย ดร.วิโรจน์ณระนอง ผู้อำนวยการวิจัยด้านสาธารณสุขและการเกษตร และ วุฒิพงษ์ตุ้นยุทธ์ กับ อรุณพรพรพูนสวัสดิ์ นักวิจัยทีดีอาร์ไอ ซึ่งได้ศึกษาวิจัยและมีรายงานวิจัย “การวิเคราะห์โครงสร้างห่วงโซ่คุณค่าของหมากไทย และแนวทางส่งเสริมการสร้างมูลค่าและความยั่งยืน” โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) ซึ่งได้พบประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับ “โอกาสของหมากไทย”
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์หลักใหญ่ใจความจากข้อเสนอนี้ที่มีการเผยแพร่ไว้ผ่านบทความ “หมากไทยสู่ตลาดโลก : โอกาสที่รัฐบาลใหม่จะแสดงฝีมือแก้ปัญหาการส่งออก”ทีมวิจัยสะท้อนไว้ว่า หมากก็เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญของเศรษฐกิจโลก ที่ทั้งผลผลิตและการบริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ราคาหมากในตลาดสำคัญของโลกน่าสนใจ ซึ่งราคาส่งออกหมากไทยในทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับ “ยาง ปาล์ม” แล้ว พบว่า “หมากไทยมีราคาค่อนข้างดี”
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์ข้อมูลจากงานวิจัยฉายภาพไว้อีกว่า ระหว่างปี 2559-2565 หมากไทยสามารถสร้างรายได้นับพันล้านบาทต่อปีโดยมีมูลค่าส่งออกสุทธิ 1,045-2,151 ล้านบาทต่อปี แม้กระทั่งปี 2566 ที่ไทยมีปัญหาการส่งออก แต่หมากก็ยังมีมูลค่าส่งออกสุทธิสูงถึง 994 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 นี้ก็มีการคาดว่า หมากไทยน่าจะมีมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ราคาส่งออกหมากในขณะนี้จะปรับตัวลดลงมาเหลือที่ประมาณ 37 บาทต่อ กก. จากที่เคยสูงถึง 50-60 บาทต่อ กก. ก็ตาม
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์ทีมวิจัยทีดีอาร์ไอยังระบุไว้ว่า แม้หมากจะสร้างมูลค่าส่งออกได้มาก แต่กลับเป็นพืชที่ได้รับความสนใจจากภาครัฐน้อยกว่าอย่างอื่น โดยแทบจะไม่มีรายงานสถิติเพาะปลูกและข้อมูลเศรษฐกิจเกี่ยวกับหมาก ซึ่งไทยควรปรับเปลี่ยนแนวคิดเรื่องนี้ ควรส่งเสริมให้เกษตรกรไทยให้ความสำคัญกับหมากเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ โดยทั่วไปเกษตรกรมักปลูกหมากเป็นพืชเสริม ปลูกแซมพืชอื่น หมากจึงเป็นพืชเสริมรายได้ให้เกษตรกร โดยเฉพาะ ภาคใต้ที่เป็น แหล่งผลิตหมากส่งออกที่สำคัญ ของไทย
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์ในบทความข้างต้นยังชี้ “ตลาดส่งออกหมากที่สำคัญ” ไว้ ซึ่งก็ “ล้วนเป็นตลาดใหญ่” นั่นคือ ประกอบด้วย 2 ตลาด 1.ตลาดหมากสด ที่มีจีน เป็นปลายทางสำคัญ โดย ไทยส่งออกผ่านเวียดนามเป็นหลัก และ 2.ตลาดหมากแห้ง ที่มี อินเดีย เป็นปลายทางสำคัญ ซึ่ง ไทยเคยส่งออกผ่านเมียนมาเป็นหลัก ทั้งนี้ อินเดียเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้นำเข้าหมากที่สำคัญที่สุดของโลก ขณะที่หมากนั้นเป็นพืชการเมืองของอินเดีย เพราะมีผู้ปลูกเป็นจำนวนมากในหลายรัฐ ทำให้รัฐบาลอินเดียต้องออกมาตรการปกป้องหมากในประเทศหลาย ๆ มาตรการ เพื่อสร้างกำแพงการค้าหมากจากต่างประเทศ
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์และผลพวงจากมาตรการรัฐบาลอินเดียนี้เอง ทำให้ การส่งออกหมากไทยไปอินเดียโดยตรงจะต้องเสียอากรนำเข้า 100% ของมูลค่า และภาษีนำเข้าเพิ่มเติม (Tariff) อีกราว ๆ 88 บาทต่อ กก. นอกจากนี้อินเดียยังกำหนดราคาขั้นต่ำการนำเข้าหมากไว้ที่ 143 บาทต่อ กก. ทำให้ที่ผ่านมาอินโดนีเซีย ไทย จึงเลี่ยงไปส่งออกหมากแห้งผ่านเมียนมา ซึ่งรัฐบาลไทยควรเร่งหาทางแก้ไขเพื่อช่วยเกษตรกรของไทย เพื่อให้การ “ส่งออกหมากไทย” ไม่สะดุด ไม่สูญเสียโอกาส โดยแนวทางเพื่อช่วยเกษตรกรไทยนั้น ทางทีมวิจัยก็มีการจัดทำ “ข้อเสนอแนะ” ผ่านมาตรการดังต่อไปนี้
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์มาตรการแรก เร่งเจรจาการค้ากับประเทศผู้ซื้อปลายทางที่สำคัญโดยตรง โดยเฉพาะตลาดอินเดีย ที่ไทยควรเร่งเจรจากับรัฐบาลอินเดียโดยใช้หรืออ้างอิงกลไกการเจรจาการค้าที่มีอยู่แล้ว อย่าง BIMSTEC, FTA ไทย-อินเดีย และ FTA อาเซียน-อินเดีย (AIFTA) เพื่อขอปรับลดภาษีศุลกากรและโควตายกเว้นการใช้ราคานำเข้าขั้นต่ำกับหมากไทย
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์มาตรการที่สอง หาลู่ทางขยายตลาดส่งออกหมากเพิ่มขึ้น เช่นยุโรปตะวันออกกลาง และตลาดที่มีอยู่แต่ไทยยังเข้าไม่ถึง ผ่านการ ใช้กลไกทูตพาณิชย์ และการเจรจาการค้า โดยกรณีหลังควรศึกษาจากอินโดนีเซียที่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลก ที่นอกจากใช้วิธีแข่งด้วยราคา ยังสามารถปรับช่องทางการขายได้ตลอด จนส่งออกเพิ่มที่อินเดียและอิหร่านได้
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์มาตรการที่สาม ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์หมาก หมากไทยถูกขายเป็นสินค้าแปรรูปขั้นต้น ขณะที่อินเดียและจีนมีการแปรรูปหมาก มีผลิตภัณฑ์จากหมากหลายรูปแบบ เช่น ต้มอบเป็นขนม ทำผงหมาก สกัดสารจากหมาก รวมถึงกำลังพัฒนายากลุ่มยาต้านซึมเศร้าจากสารในหมาก ภาครัฐไทยควรสนับสนุนการวิจัยพัฒนาหมากไทยในด้านยา ที่ไม่ใช่การส่งเสริมการบริโภคโดยตรง ต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าทำได้ก็เชื่อว่า ไทยจะได้ประโยชน์มากจากหมากไทย
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์“อินเดีย จีน ยุโรป ตะวันออกกลาง”
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์ล้วนแล้วแต่เป็น “ตลาดขนาดใหญ่”
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์ถ้า “บูมหมากไทยได้ ย่อมดีแน่”.
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์ทีมสกู๊ปเดลินิวส์
มีอนาคตลุยส่งออกลุ้นหมากไทยส่งขายตีตลาดโลกเดลินิวส์