【หน้าปกสปอร์ตพูล วันนี้】'เชอรีน'ย้อนความเจ็บปวดรักในอดีต อดทนมา2ปี ร่ำไห้ทุกคนห่วงลูกแล้วใครห่วงเรา! | เดลินิวส์

กว่าจะผ่านมรสุมเรื่องราวความรักมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับ “เชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล” หรือ “เชอรีน เดอะสตาร์” น้องสาวของนักร้องหนุ่ม “นิชคุณ หรเวชกุล” ที่ก่อนหน้านี้ได้ตัดใจสินประกาศเลิกรากับสามีไปตั้งแต่เดือน ต.ค. ปีที่แล้ว และได้ออกมาใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวสุดที่รักของเธอ ถึงแม้จะเป็นซิงเกิลมัม แต่เชอรีนก็ได้กลับมาเอ็นจอยกับชีวิต ให้ความสุขกับตัวเอง ซึ่งเธอมักจะอัปเดตภาพผ่านโซเชียล ไปเที่ยวกับลูกสาวอยู่บ่อยครั้ง แถมเธอยังมีหน้าตาและรอยยิ้มที่สดใสมากขึ้นอีกด้วย

เชอรีนย้อนความเจ็บปวดรักในอดีตอดทนมาปีร่ำไห้ทุกคนห่วงลูกแล้วใครห่วงเราเดลินิวส์

ล่าสุด เชอรีน ได้ออกมาเปิดใจในช่องยูทูบ “GoyNattyDream Channel ตอน ยังไงไหนเล่า EP. 100 เชอรีน ในวันที่กลับมารักตัวเองได้อีกครั้ง [GoyNattyDream]” เกี่ยวกับบทเรียนความสัมพันธ์รักที่ผ่านมา รวมถึงอัปเดตสถานะหัวใจตอนนี้ โดยเธอได้เผยว่า

เชอรีนย้อนความเจ็บปวดรักในอดีตอดทนมาปีร่ำไห้ทุกคนห่วงลูกแล้วใครห่วงเราเดลินิวส์

ถ้าถามว่าทุกวันนี้มีลูกแล้วยังเที่ยวอยู่ไหม ยอมรับว่ามีลูกก็ยังเที่ยวอยู่ ไม่อยากมีลูกแล้วหยุดใช้ชีวิตตัวเอง 100% อาจจะครึ่งนึงให้เขา อีกครึ่งนึงยังเหลือของเรา เพราะวันนึงถ้าเขาโตขึ้น เราจะไม่เหลือชีวิตของเราแล้ว เราก็แบ่งเวลาได้ ส่วนเรื่องสถานะหัวใจตอนนี้สถานะหัวใจโสดสนิท โสดสุดๆ โสดมาก ก็เปิดใจตลอดนะ แต่มันไม่มี งงมาก (หัวเราะ) สเปกของเราในเมื่อก่อนจะเป็นคนที่ชอบก็คือชอบ เจอถูกใจ คุยแล้วชอบก็คือจบเลย แต่เดี๋ยวนี้มีเช็กลิสต์สเปกตัวเองมากขึ้นเพราะมันผ่านอะไรหลายๆ อย่างมา เราโตขึ้นและเราก็มีลูกแล้ว แค่ชอบก็คบตอนเด็กๆ มันก็ทำได้ ก็ต้องคิดถึงลูกด้วยเพราะสักวันนึงเขาก็ต้องเจอลูกเรา เราก็ต้องสแกนมากขึ้นกับคนที่จะเข้ามาในชีวิตของเรา ซึ่งในเช็กลิสต์มีประมาณ 32 ข้อ แต่ที่เน้นๆ เลยนะต้องเป็นผู้ชายที่สะอาดสะอ้าน ใจเย็น มีเหตุผล เราเริ่มเข้าใจแล้วว่าความสัมพันธ์คนเราคบกันมันมีปัญหากันได้ตลอด ฉะนั้นคนที่จะสื่อสารกับเราได้ต้องเป็นคนที่ใช้เหตุผล ใจเย็น ถ้าใจร้อนมันคุยกันไม่ได้ ชีวิตคู่มันคือการสื่อสารกันไปเรื่อยๆ ปรับเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา อีกอย่างคือเข้ากับคนรอบตัวเราได้ เข้ากับเพื่อนฝูง ครอบครัว สำคัญมากๆ ทุกคนมีเพื่อน ในความสัมพันธ์ไม่มีใครที่จะคบกันแล้วอยู่กันสองคนได้ ส่วนตัวเคยเจอผู้ชายที่ทำให้ตกอยู่ในเหตุการณ์ gaslighting (ปั่นหัวให้อีกฝ่ายสับสนกับความเป็นจริง) เราจะรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลา ผิดทุกอย่าง ผิดทุกเรื่อง เราออกมาจากตรงนั้น จากการที่เรารีแอ็กชั่นจากสิ่งที่เขาทำไม่ดีกับเรา เขาจะบอกว่าเป็นเพราะเธอคิดมาก เป็นเพราะเธอไม่โอเคเองหรือเปล่า เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์แบบนั้นได้เริ่มจากการที่เรารักตัวเอง รู้เลยที่เราโดนอะไรพวกนี้เพราะเราไม่รักตัวเอง ก็เลยยอม ยอมให้เขาทำเราได้ เราเป็นคนที่ชอบโทษตัวเองอยู่แล้ว เราก็ผิดไว้ก่อน เราก็รับความผิดไว้เองจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันใหญ่โต แต่พอเริ่มรู้ตัว ได้คิดทบทวนเราไม่ผิดนิ จากนั้นก็ค่อยๆ สำรวจตัวเองว่าใช่ไหม พอซ้ำหลายๆ รอบเราก็โอเค พอแล้ว จบ ความรู้สึกเราเองก็สำคัญเหมือนกัน ที่เราถูกกระทำมันก็เป็นสิทธิของเราเหมือนกัน บทเรียนที่สำคัญที่สุดจากความรักที่ผ่านมา คือคำว่ารักตัวเอง ที่ผ่านมารู้เลยว่าเพราะไม่รักตัวเองก็เลยยอมให้เขาทำเราได้ ในทุกความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นแฟน เพื่อน ครอบครัว หรือใครก็ตาม ถ้าเราไม่รักตัวเอง เราปล่อยให้คนอื่นทำอะไรก็ได้ ถ้าเรารักตัวเองเราจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ความรู้สึกเรามีค่าแค่ไหน เราควรที่จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร ที่เราโอเคและมีความสุขที่สุด แต่ว่าเราเองต้องไม่ไปเบียดเบียนเขาด้วยนะ

เชอรีนย้อนความเจ็บปวดรักในอดีตอดทนมาปีร่ำไห้ทุกคนห่วงลูกแล้วใครห่วงเราเดลินิวส์

เหตุการณ์ที่รู้สึกไม่รักตัวเองที่สุดก็คงจะเป็นเหตุการณ์ในข่าวที่เรายอมให้เขาทำร้ายร่างกายแล้วเราก็ยังอยู่ต่อ มันก็มีปัจจัยเยอะ เพราะเรามีลูก ก็อาจจะต้องคิดเยอะนิดนึงสำหรับการจะเลิกกับใครสักคนที่เขาเป็นพ่อของลูก มันยากมากๆ ที่เราจะเดินเอาลูกออกมาเลย เราก็อดทนอยู่ตรงนั้น 2 ปี ถามตัวเองตลอดว่าเราทำทำไม แต่พอมาตอนนี้รู้สึกว่าดีแล้วที่เราอดทนอยู่ เพราะวันที่เราเดินออกมาเรารู้สึกว่าเราทนจนถึงที่สุดแล้วจริงๆ เราพยายามจนถึงที่สุดแล้วจริงๆ เราเดินออกมาโดยที่เราไม่มีคำถามว่าเราอดทนพอหรือยัง เราไม่สงสัยในความพยายามของเรา จนวันนี้เรารู้สึกว่าโอเค เราพยายามที่สุดแล้ว อยากบอกต่อถึงคนที่ยังอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้แล้วไม่กล้าออกมา คนที่ยังอยู่ในความสัมพันธ์ที่อยู่ในระดับความอดทนที่แตกต่างกันหรือว่ามีปัจจัยในชีวิตที่ทำให้เรายังไม่สามารถเดินออกมาได้ อยากให้สำรวจความรู้สึกตัวเอง ความต้องการของตัวเองว่าเราต้องการอะไร เราอยากมีความสุขไหม และเราให้ความสุขกับตัวเองได้ไหม ถ้าความสุขของเรายังต้องยึดติดกับใครอยู่ ไม่เป็นไร ให้เวลากับตรงนั้นไปเลย แล้วค่อยให้เวลากับตัวเองเท่าที่ไหว วันไหนที่ตอบคำถามตัวเองได้ว่า ฉันสามารถให้ความสุขกับตัวเองได้แล้วก็เดินออกมาเลย มันเสียใจ มันเจ็บปวดทุกอย่าง เดินออกมาเลย เดี๋ยวมันมีความสุขเองตอนเลิกใหม่ๆ คุยกับเพื่อนๆ ว่าเราเดินออกมาแล้ว ทุกคนจะชอบถามว่าไม่เป็นห่วงลูกเหรอ อันนี้ฝากถึงคนมีลูกแล้วเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้เพราะเป็นห่วงลูก ทุกคนเป็นห่วงลูกเรา ซัพพอร์ตลูกเรา แล้วใครเป็นห่วงเราบ้าง ใครนึกถึงเราบ้าง (ร้องไห้) มันคือคำนี้ พอเราพูดแบบนี้เพื่อนทุกคนเข้าใจและพร้อมซัพพอร์ต ต่อให้เราเป็นแม่ต้องดูแลลูกก็จริง แต่เราก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกัน ก็อยากบอกว่าให้นึกถึงตัวเองเยอะๆ เราจะเลี้ยงลูกได้ดีต่อเมื่อเรามีความสุข”

เชอรีนย้อนความเจ็บปวดรักในอดีตอดทนมาปีร่ำไห้ทุกคนห่วงลูกแล้วใครห่วงเราเดลินิวส์

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก cherreen.hvk

เชอรีนย้อนความเจ็บปวดรักในอดีตอดทนมาปีร่ำไห้ทุกคนห่วงลูกแล้วใครห่วงเราเดลินิวส์