【เกมส์ ดิ เอ โก้】'Mix and Match' ยังใช้ได้ 'ช่วยแตกต่าง-ทำให้ได้เปรียบ' | เดลินิวส์

การนำวัตถุดิบที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงมาจับคู่สร้างสรรค์สินค้าให้แปลกใหม่ หรือ “มิกซ์แอนด์แมทช์” เป็นกลยุทธ์ที่นำมาใช้สร้างความได้เปรียบให้ธุรกิจได้ เแต่จะทำอย่างไรจึงจะใช้กลยุทธ์นี้ได้ผล วันนี้คอลัมน์นี้ก็มีกรณีศึกษามาให้พิจารณากัน
เริ่มจากกรณีศึกษาแรก กับสินค้า “ขนมอกไก่อบกรอบ” โดย สมิธ-ศิริภัคพัชน์ สุวรรณประทีป เจ้าของแบรนด์ฟรังโก ที่ได้แชร์ถึงการนำ

ยังใช้ได้ช่วยแตกต่างทำให้ได้เปรียบเดลินิวส์

กลยุทธ์มิกซ์แอนด์แมทช์นี้มาใช้ว่านำกลยุทธ์นี้มาใช้ในกระบวนการผลิตหลายกระบวนการ จนทำให้ได้สินค้าตัวใหม่เป็นขนมทานเล่นที่ไม่ซ้ำใคร เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยที่ใส่ใจสุขภาพ โดยหลังจากวางขายในเซเว่นไม่นานก็มีกระแสตอบรับจากผู้บริโภคมาก ซึ่งสะท้อนว่าสินค้าตอบโจทย์กับความต้องการของตลาด อย่างไรก็ดี แต่ถ้าย้อนกลับไปกว่า 7 ปีก่อน หรือปี 2560 ตอนนั้นในไทยยังไม่มีตลาดสินค้าขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ ขณะที่ในต่างประเทศสินค้ากลุ่มนี้ค่อย ๆ เติบโตขึ้นจากความต้องการที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงเห็นโอกาสทางธุรกิจจากสินค้าประเภทนี้ จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาสินค้าประเภทนี้ เพื่อเติมเต็มช่องว่างของตลาด โดยเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพที่ยังชอบทานขนมอยู่ ด้วยการเริ่มจากนำอกไก่มาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก พร้อมแก้ปัญหาเรื่องรสชาติที่ไม่อร่อยของวัตถุดิบชนิดนี้ เนื่องจากอกไก่มีไขมันต่ำส่งผลให้สินค้าที่ผลิตได้มักจะมีลักษณะแข็งกระด้าง พร้อมกับหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแปรรูป อาทิ ลูกชิ้นปลา กุนเชียง แล้วนำจุดเด่นมาปรับใช้ พร้อม ๆ กับเข้ารับคำแนะนำเพิ่มเติมจากภาครัฐ จนเกิดเป็นวิธีอบสูตรเฉพาะของแบรนด์ ที่ขนมจะมีทั้งความกรอบ ความหอม รสสัมผัสไม่แข็งกระด้าง โดยสินค้าใหม่นี้เขาได้เริ่มวางขายปี 2563 ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และตลาดโมเดิร์นเทรด

ยังใช้ได้ช่วยแตกต่างทำให้ได้เปรียบเดลินิวส์

ส่วนกรณีศึกษาที่สองนั้น เป็นสินค้า “ขนมเบเกอรี่” โดย อร-กนกกัญจน์ มธุรพร เจ้าของแบรนด์เอพริล เบเกอรี่ ที่ถืออีกหนึ่งแบรนด์ที่นำกลยุทธ์มิกซ์แอนด์แมทช์มาใช้จนประสบความสำเร็จ และเพิ่งเปิดตัวขนมโมจิลาวาชาเอิร์ลเกรย์ที่วางขายในเซเว่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างสรรค์ขึ้นจากกลยุทธ์นี้ โดยเจ้าของกรณีศึกษาเล่าว่า ต่อยอดมาจากขนมโมจิที่ผลิตอยู่เดิม เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ไลน์ของแบรนด์ ด้วยการนำวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมแต่ละชนิดมาผสมผสานเข้าด้วยกัน ส่วนแรงบันดาลใจในการพัฒนาสินค้านี้นั้น เกิดจากเป็นคนที่ชอบทานชานมไข่มุกอยู่แล้ว จึงนำส่วนผสมที่แตกต่างกันนี้มามิกซ์เข้ากับขนมโมจิ อีกทั้งเพิ่มความพิเศษด้วยการใส่ไส้ลาวา ที่ไม่มีส่วนผสมของเนยเข้าไป เพื่อให้ขนมเกิดความแตกต่างจากขนมประเภทเดียวกันในตลาด จนสินค้าใหม่ที่เกิดจากกลยุทธ์ “มิกซ์แอนด์แมตช์” นี้ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้า นี่และเป็น 2 กรณีศึกษาจาก 2 ผู้ประกอบการที่นำกลยุทธ์นี้มาใช้ได้อย่างน่าสนใจ ที่เอสเอ็มอีสาขาอื่น ๆ สามารถศึกษา และนำเอาไปปรับใช้ได้.

ยังใช้ได้ช่วยแตกต่างทำให้ได้เปรียบเดลินิวส์

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ [email protected]

ยังใช้ได้ช่วยแตกต่างทำให้ได้เปรียบเดลินิวส์