เรื่องความเจ็บป่วยฉุกเฉินในภาวะวิกฤติบางครั้งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยม่ทันตั้งตัว ซึ่งในการรักษาโรคเหล่านี้ต้องยอมรับว่าค่อนข้างที่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นจึงเกิดสิทธิการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (UCEP) รักษาที่ไหนก็ได้ ภายใน 72 ชั่วโมงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าหมายรวมถึงโรงพยาบาลเอกชนด้วย แต่หลัง พ้นช่วงเวลา 72 ชั่วโมงดังกล่าวไปแล้วบางครั้งผู้ป่วยบางราย อาการยังไม่พ้นช่วงวิกฤติแต่ก็ยังไม่สามารถส่งต่อได้ด้วยหลาย ๆ อย่าง เช่น เตียงเต็ม ผู้ป่วยยังต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนั้น ซึ่งกรณีโรงพยาบาลเอกชนทำให้ประชาชนมีข้อกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่าย

ปทุมธานีจับมือรพรัฐเอกชนดูแลส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไร้รอยต่อเดลินิวส์

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี โรงพยาบาล ภาครัฐและโรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันจัด ประชุมวิชาการนำเสนอผลการดำเนินงานและพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือ (MOU) โครงการขับเคลื่อนนโยบาย โรงพยาบาลในเขตเมือง จ.ปทุมธานีเพื่อผู้ป่วยภาวะวิกฤติ ฉุกเฉิน โดยมีนพ.ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี เป็นผู้ลงนาม ร่วมกับโรงพยาบาลเอกชน 9 แห่ง ดังนี้ 1. รพ.แพทย์รังสิต 2. รพ.บางปะกอก รังสิต2 และ 3. รพ.กรุงไทยเวสเทิร์น จ.นนทบุรี 4. รพ.ภัทร ธนบุรี 5.รพ.เกษมราษฎร์ ปทุมธานี 6. รพ.ซีจีเอสลำลูกกา 7. รพ.กรุงสยาม เซนต์คาร์ลอส 8.รพ.ปทุมเวช 9.รพ.เปาโล รังสิต โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน นายคมสัน ญาณวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เข้าร่วมด้วย

ปทุมธานีจับมือรพรัฐเอกชนดูแลส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไร้รอยต่อเดลินิวส์

โดย “นพ.ภุชงค์” ระบุว่า การลงนามนี้ก็เพื่อร่วมกันพัฒนาการบริการร่วมกันระหว่าง โรงพยาบาลรัฐ และ โรงพยาบาลเอกชน ลดอัตราการเสียชีวิตระหว่างรอเตียง ด้วยการส่งต่อผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อ เพิ่มความมั่นใจในระบบ
สิทธิการรักษาเพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (UCEP) และสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สำหรับผู้ป่วยหลังภาวะฉุกเฉินวิกฤติิ และโรงพยาบาลเอกชน ตลอดจนแก้ปัญหาผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติิรอเตียง, รอห้องผ่าตัด และห้อง ICU ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตระหว่างรอการรักษา ลดการเดินทางส่งตัวผู้ป่วยข้ามเขตจังหวัด กรณีมีแหล่งพักอาศัยในจังหวัดปทุมธานีแต่มีสิทธิรักษาที่จังหวัดอื่น ตลอดจนการพัฒนาแอปพลิเคชันกลางสำหรับอัปเดตข้อมูลผู้ป่วยร่วมกันแบบเรียลไทม์ ลดโอกาสเกิดการสื่อสารผิดพลาด

ปทุมธานีจับมือรพรัฐเอกชนดูแลส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไร้รอยต่อเดลินิวส์

นพ.ภุชงค์ บอกอีกว่า ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินวิกฤติ ในเวลา 72 ชั่วโมง กองทุนสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี รองรับค่าใช้จ่ายหากผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ต้องอยู่โรงพยาบาลเอกชนต่อหลังจาก 72 ชั่วโมง เนื่องจาก ผู้ป่วยยังไม่พ้นวิกฤติ และโรงพยาบาลรัฐไม่มีเตียงรองรับ

ปทุมธานีจับมือรพรัฐเอกชนดูแลส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไร้รอยต่อเดลินิวส์

“โครงการนี้เราทำขึ้นมาก็เพื่อคลายความกังวลให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดปทุมธานี โดยเมื่อเกิดเหตุภาวะวิกฤติฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการบริการได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล”

ปทุมธานีจับมือรพรัฐเอกชนดูแลส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไร้รอยต่อเดลินิวส์

สสจ.ปทุมธานี ระบุว่า ปัจจุบัน โครงการขับเคลื่อนนโยบายโรงพยาบาลในเขตเมืองจังหวัดปทุมธานี มีเตียงในห้อง ICU เพิ่มขึ้นเป็น 143 เตียงและมีห้องผ่าตัดเพิ่มขึ้นเป็น 41 ห้อง ทำให้การรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากข้อมูลที่ผ่านมาสรุปจนถึงวันที่ 14 ก.พ. 2568 ผู้ป่วยที่ใช้สิทธิในระบบโครงการโรงพยาบาลในเขตเมืองแล้วทั้งสิ้น 30 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยจากระบบ EMS 29 ราย ผู้ป่วยจากระบบส่งต่อ 1 ราย และมีผู้ป่วยที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี 2 ราย

ปทุมธานีจับมือรพรัฐเอกชนดูแลส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไร้รอยต่อเดลินิวส์

“โครงการฯ นี้ไม่เพียงเป็นการพัฒนาระบบการบริการสาธารณสุขให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความ ร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดปทุมธานีได้รับการรักษาที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ถือว่าเป็นต้นแบบระบบบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน”.

ปทุมธานีจับมือรพรัฐเอกชนดูแลส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไร้รอยต่อเดลินิวส์

อภิวรรณ เสาเวียง

ปทุมธานีจับมือรพรัฐเอกชนดูแลส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไร้รอยต่อเดลินิวส์