ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจกำลังเข้มข้นและมีความผันผวนสูง ‘เครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทาน’ ที่เปรียบเสมือนสายใยที่เชื่อมโยงทุกองค์ประกอบในกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้า ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ไปจนถึงผู้บริโภค ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

การมีเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อมโยงกันอย่างแข็งแกร่ง ไม่เพียงแต่จะช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างยืดหยุ่นเท่านั้น แต่ยังช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้าทางธุรกิจอีกด้วย

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

ในประเทศไทยเราเองก็มีการส่งเสริมในด้านดังกล่าวเช่นกัน โดยเห็นได้จาก ‘เครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย’ (Thailand Supply Chain Network) หรือ ‘TSCN’ ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2562 จากความร่วมมือของบริษัทเอกชนชั้นนำในประเทศไทย 9 บริษัท ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด, บริษัท บีเจซี กลาส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญขององค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืน ที่เข้ามาร่วมกันผนึกพลังเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพจากหลากหลายอุตสาหกรรม ผ่านการจับคู่อุปสงค์และอุปทานในการทำธุรกิจ และเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจไทย พร้อมร่วมผลักดันและขับเคลื่อนนโยบาย และการดำเนินงานสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก ผ่านโครงการต่างๆ

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

TSCN ที่ว่านี้ได้มีการแบ่งกลุ่มงานออกเป็น 5 กลุ่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ซึ่งประกอบไปด้วย 1. กลุ่มงานโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน 2. กลุ่มงานด้านสุขภาพ 3. กลุ่มงานด้านความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน 4. กลุ่มงานด้านการศึกษา และ 5. กลุ่มงานความภาคภูมิใจแห่งอาเซียน (Pride of ASEAN)

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

“TSCN เป็นเครือข่ายที่เราจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ 2562 โดยในฝั่งของไทเบฟเอง จริงๆ แล้ว ก่อนหน้าที่จะมีการก่อตั้งเครือข่าย 3-4 ปี เรามีการรวมตัวซัพพลายเออร์ของเราและมีการให้รางวัลแต่ละบริษัทในมิติต่างๆ มาตลอด และก็มองว่าในซัพพลายเออร์ของไทเบฟเอง มีธุรกิจขนาดใหญ่อยู่ค่อนข้างเยอะ ที่ถ้าเรารวมตัวกันเราสามารถจะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างใหญ่และแข็งแกร่งมากสำหรับประเทศไทย ฉะนั้นในบรรดา 9 ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของไทยเบฟ ณ วันนั้น จึงตัดสินใจว่าเราจะมาทำงานด้วยกัน และร่วมเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง TSCN อย่างที่เห็นในวันนี้ เพื่อเป็นการผนึกกำลังความร่วมมือระหว่างองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของไทย ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ประสบการณ์จากการลงทุน และเพิ่มพูนการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยขยายกิจการออกสู่ต่างประเทศอย่างครบห่วงโซ่อุปทาน โดยมีแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นรากฐานในการดำเนินธุรกิจ” ‘ต้องใจ ธนะชานันท์’ ผู้อำนวยการคณะจัดงาน SX 2024 และเลขานุการคณะทำงาน TSCN กล่าว

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

ล่าสุด ‘งาน TSCN Business Partner Conference’ ที่จัดร่วมกับ Sustainability Expo 2024 (SX 2024) ที่ผ่านมา ได้มอบรางวัล SX TSCN Sustainability Award เป็นครั้งแรก โดยมอบให้กับองค์กรในเครือข่าย 48 บริษัท ที่ขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืนจนเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม และเป็นแบบอย่างให้กับองค์กรอื่นๆ ในซัพพลายเชน นับเป็นการยกระดับการดำเนินงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของตนเองอีกด้วย โดยองค์กรที่ได้รับรางวัลดังกล่าวได้รับการคัดเลือกและเสนอชื่อ โดย TSCN Co-founders ทั้ง 9 องค์กร เป็นบริษัทที่มีการดำเนินโครงการร่วมกับ TSCN Co-founders จนเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สามารถวัดผลได้ชัดเจนในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

ดังนั้นเพื่อเป็นการต่อยอดความร่วมมือดังกล่าวและขยายเครือข่ายไปสู่ภาคธุรกิจในวงกว้าง TSCN จึงได้เปิดให้บริการ ‘ระบบ TSCN Platform’ เครือข่ายสังคมธุรกิจออนไลน์ สำหรับเชื่อมโยงพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพจากหลากหลายอุตสาหกรรมผ่านการจับคู่อุปสงค์และอุปทานในการทำธุรกิจและเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจไทย อีกทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างเครือข่าย ในการจัดงานมหกรรมเพื่อความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน (Sustainability Expo) ตั้งแต่ปี 2020 มาจนถึงปัจจุบัน ที่ล่าสุดได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ อย่าง ‘Sustainability Expo 2024’ มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แนวคิด ‘พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก’ (Sufficiency for Sustainability) ที่ได้จัดขึ้นเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

“งาน Sustainability Expo 2024  ที่จัดขึ้นเป็นระยะเวลา 10 วัน ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ในตอนแรก 5 แสนคน เพราะเมื่อมาเช็คสถิติแล้ว มีผู้เข้าชมงาน ณ สถานที่จัดงานจริง เกือบ 4 แสนคน และผู้เข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์อีกประมาณ 3.7 แสนคน นั่นหมายความว่า ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เราได้ยอดรวมกันกว่า 7 แสนคน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้อย่างเห็นได้ชัด และในปีนี้เราก็ยังได้รับเกียรติจากองค์กรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 270 แห่ง เข้าร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้นำเสนอผลการดำเนินงานเกี่ยวกับ TCAC 2024 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุม COP29 รวมถึงบริษัทเอกชนชั้นนำอย่าง SCG และ CPF ที่ได้จัดกิจกรรมและเวทีเสวนาภายในงาน นอกจากนี้ยังมีองค์กรระหว่างประเทศ อย่าง สหภาพยุโรปและองค์กรชั้นนำอื่นๆ ที่มาร่วมกับเราด้วยเช่นกัน”

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

สำหรับจุดประสงค์หลักของมหกรรมความยั่งยืนดังกล่าว ต้องใจย้ำว่า คือการสร้างแพลตฟอร์มที่รวบรวมผู้ที่มีความสนใจในด้านความยั่งยืนมาพบปะ แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างเครือข่าย เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน และผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศไทย ซึ่งผลตอบรับจากการจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่บ่งชี้ว่า งาน SX กำลังเติบโตและได้รับการยอมรับในฐานะเวทีสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนวาระด้านความยั่งยืน

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

นอกจากนี้ คณะผู้ร่วมก่อตั้งยังได้มีการลงนามประกาศเจตนารมย์แนวทางปฏิบัติคู่ค้าของ TSCN (TSCN Business Parter Code of Conduct) เพื่อเป็นแนวทางให้สมาชิกยึดถือและปฏิบัติตามคุณค่า ด้วย 3 หลักการ ดังนี้ 1. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ประกอบไปด้วย การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การป้องกันมลพิษ 2. ความรับผิดชอบต่อสังคม ประกอบไปด้วย สิทธิมนุษยชน มาตรฐานแรงงาน การมีส่วนร่วมของชุมชน และ 3. ธรรมาภิบาลและจริยธรรม ประกอบไปด้วย ต่อต้านการทุจริต ความโปร่งใสและการรายงาน การจัดซื้อจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

“เรามีความมุ่งมั่นในการเพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ให้กับการลงทุนของสมาชิก โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่ การปกป้องมูลค่าการลงทุน ด้วยการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ กฎหมาย และการเงิน รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมคุณค่าของการลงทุน ผ่านการสร้างความร่วมมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในรูปแบบต่างๆ เช่น การร่วมกันทำการตลาด การฝึกอบรมร่วมกัน และการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาดและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ TSCN ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรมและต่อยอดการลงทุน ผ่านโครงการใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น การพัฒนาระบบออนไลน์ร่วมกัน การลงทุนในสตาร์ทอัพ และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และทักษะระหว่างบุคลากร เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน” ต้องใจ กล่าวต่อ

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

ในส่วนของการจัดมอบ ‘รางวัล SX TSCN Sustainability Award’ ให้กับองค์กรในเครือข่าย 48 บริษัท มีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนงานด้านความยั่งยืนให้เป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนต่อไป โดยองค์กรที่ได้รับรางวัลดังกล่าวได้รับการคัดเลือกและเสนอชื่อจากผู้ร่วมก่อตั้ง TSCN ทั้ง 9 องค์กร ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการดำเนินโครงการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกับผู้ร่วมก่อตั้ง TSCN อย่างเป็นรูปธรรม สามารถวัดผลได้ชัดเจนในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม อาทิ

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

‘โครงการรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียมหมุนเวียนแบบวงปิด’ ของ บริษัท ยูเอซีเจ (ประเทศไทย) จำกัด ที่สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยใช้หลักการนำกระป๋องอลูมิเนียมที่ผ่านการใช้งานแล้วกลับมารีไซเคิลเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่อย่างต่อเนื่อง กระบวนการนี้ช่วยลดการใช้วัตถุดิบใหม่และลดการปลดปล่อยคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์, ‘โครงการบรรจุภัณฑ์ไม้เพื่อความยั่งยืน’ ของบริษัท เค.เอฟ.พาราวูด จำกัด มุ่งเน้นการออกแบบและผลิตพาเลทไม้โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โครงการนี้ใช้วัตถุดิบจากไม้ที่ได้รับการจัดการอย่างยั่งยืน เพื่อลดการใช้ไม้ใหม่และสนับสนุนการใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้,

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

‘โครงการระบบตรวจสอบย้อนกลับ บนเทคโนโลยีบล๊อคเชนเพื่อติดตามที่มาถั่วเหลืองจากแหล่งปลูกที่ไม่บุกรุกป่า’ ของ บริษัท บังกี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายห่วงโซ่อุปทานปลอดการตัดไม้ทำลายป่า 100% และ ‘โครงการด้านความยั่งยืนในการจัดการของเสีย’ ของ บริษัท โชคยืนยงอุตสาหกรรม จำกัด มีการนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตไปผ่านกระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ ซึ่งก๊าซชีวภาพที่ได้จะถูกนำไปใช้เป็นพลังงานในการผลิตไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เป็นต้น

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์

“เราผลักดันการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับประเทศและภูมิภาค โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อตอบสนองนโยบายของประเทศไทยในการที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2583 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2598 โดยคณะผู้ร่วมก่อตั้ง TSCN มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคู่ค้าในเครือข่ายให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้มีการจัดอบรม Train-the-Trainers ภายใต้ Thailand Sustainability Academy (TSA) ในช่วงงาน SX 2024 ที่ผ่านมา เพื่อสร้างขีดความสามารถให้กับคณะทำงานของ TSCN ให้มีศักยภาพในการอบรมคู่ค้ารายย่อยให้สามารถจัดทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปจนถึงการจัดทำแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองได้อย่างชัดเจน” ต้องใจ กล่าวทิ้งท้าย

บิ๊กคอร์ปเอสเอ็มอีชูSXTSCNAwardผลักดันธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืนทั้งห่วงโซ่เดลินิวส์