เนื้อความดังกล่าวข้างต้นเป็นการระบุไว้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเพศสภาวะของไทย ซึ่งผลพวงกรณีดังกล่าวนอกจากจะ “กระทบกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ” ในสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังอาจโยงหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก “อาจโยงลามกระทบถึงในไทย” ด้วย

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

จาก “บุคลิกภาพแบบอำนาจนิยม”

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

และ “นโยบายขวาจัดของผู้นำสหรัฐ”

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

ที่แสดงชัดว่า “โนสน โนแคร์ชาวโลก”

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

สำหรับสถานการณ์ที่ทำให้ “ผู้มีความหลากหลายทางเพศ” ทั่วโลก รวมถึงในไทย “ต้องอึ้ง!!” กับ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็คือการที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐตัดสินใจ ลงนามรับรองคำสั่ง “ให้รับรองเฉพาะเพศชายกับเพศหญิงเท่านั้น” ในเอกสารทางราชการ และ “ยกเลิกช่องตัวเลือกเพศ X” ในเอกสารราชการ ที่เพิ่มมาในยุคผู้นำสหรัฐคนเก่า ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQIA+ ในสหรัฐ เพราะ “สวนทางกระแสโลก” แบบกลับด้าน

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

แม้จะไม่ผิดจากที่โลกเคยคาดการณ์ไว้

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

แต่ตัดสินใจชนิดฟ้าผ่าเช่นนี้ก็ช็อกโลก

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

ผศ.รณภูมิ สามัคคีคารมย์

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

ทั้งนี้ จากการตัดสินใจชนิดช็อกโลกในเรื่องนี้ อาจจะไม่เพียงทำให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในสหรัฐปั่นป่วนเท่านั้น หากแต่ “พายุทรัมป์ 2.0”ลูกนี้ อาจฟาดหัวฟาดหางลามกระทบถึงทิศทางในเรื่องนี้ของประเทศไทยด้วย ซึ่งทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” จะสะท้อนต่อข้อมูลกรณีนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ ผศ.รณภูมิ สามัคคีคารมย์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและสื่อสารองค์กร คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะและสิทธิความหลากหลายทางเพศ ได้สะท้อนไว้ผ่านทางรายการพอดแคสต์หัวข้อ “จับตาการเมืองอนุรักษ์นิยมทางเพศกับการลงดาบของสหรัฐ”

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

“ไม่ติดเรื่องการเห็นต่าง เพราะเรื่องเพศเห็นต่างกันได้ แต่คนละเรื่องกับการปฏิบัติ ซึ่งสิ่งที่ผู้นำสหรัฐทำอยู่สะท้อนให้เห็นถึงการละเลยและมองข้ามเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน” ทาง ผศ.รณภูมิ ระบุไว้ในรายการดังกล่าว

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะและสิทธิความหลากหลายทางเพศท่านดังกล่าวยังได้วิเคราะห์ถึงการที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐมีแนวคิดเช่นนี้ไว้ว่า ฉายภาพให้เห็นถึงแนวความคิดแบบอนุรักษ์นิยมสุดขั้วของทรัมป์ เนื่องจากผู้นำสหรัฐมองว่าการสนับสนุนนโยบายและเงินให้กับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องไม่จำเป็น และมองว่าเพศกำเนิดของคนควรจะมีแค่เพียงชายหรือหญิงเท่านั้น จึงเป็นที่มาการลงนามคำสั่งดังกล่าวที่ช็อกโลก รวมถึงยังสั่งตัดงบสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ขององค์กรเอกชนทั่วโลก ที่สหรัฐเคยสนับสนุนในอดีต ซึ่งเรื่องนี้ย่อมกระทบกับการทำงานของเอ็นจีโอที่ทำงานด้านนี้แน่ ๆ

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

“การตัดสินใจนี้เหมือนการแช่แข็งในช่องฟรีซ ที่ส่งผลต่อการทำงานของคนที่ทำงานด้านนี้ทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะหลังจากทรัมป์แช่แข็งยูเสด (USAID) ซึ่งเป็นองค์กรที่รัฐบาลอเมริกันตั้งขึ้นเพื่อช่วยคนทั่วโลก ซึ่งทรัมป์แช่แข็งไปแล้ว ทำให้เงินช่วยเหลือในโครงการต่าง ๆ หยุดชะงัก ยกเว้นการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม”

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

ทาง ผศ.รณภูมิ ยังระบุถึง “ผลกระทบที่อาจเกิดต่อไทย” จากเรื่องนี้ไว้ว่า ไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่มีองค์กรเอกชนในไทยที่รับทุนสนับสนุนจากยูเสด โดยเฉพาะในการรณรงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเอชไอวี หรือ ผู้ป่วยโรคเอดส์ รวมถึงการช่วยเหลือ กลุ่มคนเปราะบาง ผู้ลี้ภัย ผู้ที่ถูกค้ามนุษย์ และผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งพอยูเสดถูกแช่แข็งทางการเงิน แน่นอนงบที่เคยสนับสนุนก็ย่อมหายไป ซึ่ง ต้องตามดูว่าจะกระทบกับการทำงานด้านนี้ในไทยแค่ไหน?

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

“พอภาวะการคลังเรื่องนี้ถูกระงับ ก็ทำให้การทำงานเรื่องนี้ในไทยเป็นอัมพาต ทำให้ไปต่อไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้ไทยเกิดภาวะลูกโป่งพองตัว พอคนที่ต้องพึ่งพิงจะยกโขยงไปพึ่งพาบริการจากทางภาครัฐเพิ่มขึ้น บริการของภาครัฐจะเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกสองมือบีบเข้าหากัน ซึ่งภาครัฐก็ต้องเตรียมตัวไว้ให้ดี” ทาง ผศ.รณภูมิ ชี้ไว้

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

พร้อมทั้งขยายความไว้ว่า พองบสนับสนุของภาคเอกชนลดลง ประสิทธิภาพการทำงานก็ย่อมลดน้อยลงตามไปด้วย แน่นอนพอบริการของภาคเอกชนหายไป หรือน้อยลง คนที่ต้องพึ่งความช่วยเหลือก็จะเทไปหาฝั่งรัฐเพิ่มขึ้น ซึ่ง ไม่แน่ใจว่า ภาครัฐพร้อมรับมือแล้วหรือยัง? หรือถ้าเตรียมตัวแล้วจะสามารถทำได้แค่ไหน? เป็นปุจฉาที่ ผศ.รณภูมิ สามัคคีคารมย์ ชวนสังคมไทยคิด อีกทั้งย้ำทิ้งท้ายไว้ในรายการดังกล่าวว่า สังคมไทยต้องตื่นตัวกับปัญหานี้มากขึ้น เพราะ “ผลกระทบจากพายุทรัมป์ 2.0” นั้นไม่ได้มีแค่เรื่องเพศ แต่ “แนวคิดแบบทรัมป์นั้นเป็นเหมือนการจุดระเบิดเวลาลูกใหญ่” เลย

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

“สิ่งที่กังวลคือ การที่ผู้นำโลกอย่างสหรัฐดันมีความเชื่อเช่นนี้ นี่ก็อาจปลุกคนไทยที่เชื่อแบบทรัมป์ลุกขึ้นมาสนับสนุนแนวคิดแบบนี้มากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้น่ากลัวมาก เพราะถ้าเกิดขึ้นจริง ๆ ผลจากเรื่องนี้ก็จะทำให้ทุกสิ่งที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลกและไทยพยายามต่อสู่เรียกร้องรณรงค์กันมาเป็นเหมือนโดมิโนที่ล้มทับกันหมด”

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

นี่เป็น “มุมวิเคราะห์น่าคิด น่าเป็นห่วง”

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

กับ “ผลพวงที่เกิดจากพายุทรัมป์ 2.0”

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

“โยงผู้หลากหลายทางเพศในไทย??”.

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์

พายุทรัมป์อีกกรณีนโยบายเพศสุดขั้วไทยเสี่ยงวุ่นเดลินิวส์