ทั้งนี้ กับการที่ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน มีชัยขาดลอยต่อ “กมาลา แฮร์ริส” ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งล่าสุดที่มีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น มุมมอง “สังคม เศรษฐกิจ การเมืองโลก” จากนี้จะอย่างไร?? ก็มีการวิเคราะห์กันหลากหลาย

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

ส่วน ณ ที่นี้วันนี้ขอ “ชวนมองย้อน”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

ตอนที่ “ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐ ซีซั่น 1”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

ที่ทุกมุมโลกเซ็งแซ่คำว่า “พายุทรัมป์”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

กับการที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” จะหวนขึ้นเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ของประเทศ “สหรัฐอเมริกา” ที่ต่อให้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีก็ยังคงเป็น “ประเทศมหาอำนาจโลก” นั้น นอกจากประเด็น “สหรัฐอเมริกาต้านจีน” แล้ว อีกประเด็นใหญ่ที่ร้อนแรงที่มีการวิเคราะห์วิพากษ์กันไว้ก่อนหน้านี้คือ “บทบาทสหรัฐต่อสถานการณ์สงคราม”ที่เกิดขึ้นและยืดเยื้อมาระยะหนึ่งแล้ว

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

นั่นคือ “สงครามรัสเซีย VS ยูเครน” และ “สงครามอิสราเอล VS ปาเลสไตน์+อิหร่าน” ซึ่งจากการระบุไว้ของทรัมป์ในช่วงหาเสียง ที่เทไปในทางที่ สหรัฐอเมริกา โดยการนำของ “โดนัลด์ ทรัมป์” นั้น “จะแอ็คชั่นบทบาทยุติสงคราม??”กับกระแสการวิเคราะห์ก็จึงเทไปในแนวทางที่ย่อมจะดีแนวทางนี้ หากแต่ ขณะเดียวกันก็มีกระแส “วิพากษ์”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

โดย “มิใช่วิพากษ์ว่าไม่เชื่อว่าจะทำได้”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

แต่ “วิพากษ์ว่าไม่ค่อยเชื่อนิสัยทรัมป์!!”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

อย่างไรก็ตาม เอาเข้าจริง “สังคม เศรษฐกิจ การเมืองโลก จากนี้จะอย่างไร??” ทั่วโลก รวมถึงไทย ก็ “ต้องรอดูกันไป??” กับบทบาทสหรัฐภายใต้การนำของ “โดนัลด์ ทรัมป์ ซีซั่น 2” เพียงแต่ว่า ย้อนดู “ท่าทีในอดีต โดยเฉพาะตอนที่ทรัมป์เป็นผู้นำสหรัฐซีซั่น 1”ก็มีหลายกรณี “ชวนให้คิด??”สำหรับประเทศที่ต้องเกี่ยวโยงกับสหรัฐในด้านต่าง ๆ

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

และเกี่ยวกับ “ท่าทีทรัมป์ในอดีต” นั้น ทางนักวิชาการไทยก็มีการวิเคราะห์และสะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้ โดยปลายปี 2559 ก่อนผลเลือกตั้งจะออกว่าทรัมป์ชนะ “ฮิลลารี คลินตัน” และได้เป็นผู้นำสหรัฐ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ ได้สะท้อนไว้ โดยสังเขปก็เช่น “เขาบอกไว้ว่าสหรัฐอเมริกากำลังตกต่ำ เพราะฉะนั้น เขาคงต้องแสดงถึงการเป็นผู้นำในส่วนนี้ ในท่าทีคงมีความแข็งกร้าวมากขึ้น เช่นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของจีน”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

ขณะที่ทาง ผศ.ดร.วิบูลพงศ์ พูนประสิทธิ์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็สะท้อนไว้ในช่วงนั้น โดยสังเขปคือ “การดำเนินการของทรัมป์ อาจใช้วิธีเผชิญหน้ารวมถึงนโยบายต่างประเทศ อย่างส่วนที่เกี่ยวกับจีน เพราะ จากบุคลิก การพูด ของทรัมป์ ก็เห็นแนวคิดสุดโต่งของทรัมป์หลายเรื่อง เช่นเคยระบุว่า สนับสนุนให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้สร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้ เพื่อใช้ป้องกันตัวจากเกาหลีเหนือ สหรัฐจะได้ไม่ต้องปกป้อง หรือถ้าจะให้สหรัฐปกป้อง ทั้งญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ต้องจ่ายเงินให้สหรัฐ” นี่เป็นตัวอย่างการวิเคราะห์ท่าทีทรัมป์ก่อนเป็นผู้นำสหรัฐลำดับ 45

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

“จีน” นั้น “เป็นคีย์เวิร์ดชัดเจน” มานาน

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

และ “สุดโต่ง นิวเคลียร์” ก็ “ชวนคิด??”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

ทั้งนี้ พอถึงปลายปี 2561 ตอนที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” เป็นผู้นำสหรัฐซีซั่น 1 แล้ว สหรัฐอเมริกา “จะถอนตัวจากสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง” ที่เคยทำไว้กับรัสเซียช่วงมีสงครามเย็น และรวมถึง สหรัฐอเมริกา “จะจัดตั้งกองทัพอวกาศ” ขึ้น นี่เป็นส่วนหนึ่งจากการประกาศไว้ด้วยท่าทีแข็งกร้าว ซึ่งในตอนนั้น รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ก็วิเคราะห์และสะท้อนกรณีนี้ผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้เช่นกัน หลักใหญ่ใจความมีว่า เพราะ “รัสเซีย” ยุค “วลาดิเมียร์ ปูติน” กลับมามีเขี้ยวเล็บอีก และก็กำลังจะฟื้นอำนาจเทียบเท่าสหรัฐ โดยสหรัฐมองว่าตนกำลังเจอ “ภัยคุกคาม”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

ส่วนรัสเซียก็พยายามแผ่ขยายอำนาจไปในหลาย ๆ ประเทศในแถบตะวันออกกลาง นอกจากนั้น สหรัฐยังมองว่ารัสเซียเป็น“ภัยคุกคามทางนาโต้”เพราะมีการข่มขู่มาโดยตลอด และที่ผ่านมาก็มีเรื่องของ“ภัยคุกคามด้านอวกาศ”ด้วย อีกทั้งรัสเซียยังละเมิดข้อตกลงตามสนธิสัญญาดังกล่าวก่อน รัสเซียยังคงผลิตอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางอยู่ และที่สำคัญ รัสเซียเข้าไปมีบทบาทใกล้ชิดกับ “จีน” ที่เป็นประเทศมหาอำนาจอีกขั้วที่สหรัฐก็มองเป็น “ภัยคุกคาม”ของตน

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

จากปัจจัยข้างต้น รศ.ดร.สมชาย ระบุไว้เมื่อปี 2561 ด้วยว่า “จึงไม่แปลกที่สหรัฐอเมริกา ยุคประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะ ประกาศกร้าวในเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเป็นการข่มขู่ แสดงแสนยานุภาพ เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจ ซึ่งส่วนตัวมองว่าตอนนี้ประเทศมหาอำนาจก็กำลังทำสงครามเย็นกันอยู่ เป็นการขยายภูมิรัฐศาสตร์ กดดันทำให้เกิดความตึงเครียด เพื่อเป็นการหาพวก หาพันธมิตรเข้ามาอยู่ข้างตัวเอง แต่จะไม่มีการเผชิญหน้าทำสงครามร้อนกัน??” นักวิชาการท่านเดิมชี้ไว้ แต่ทั้งนี้ “จากซีซั่น 1 สู่ซีซั่น 2” ซึ่ง “โลกมีปัจจัยร้อนเพิ่มขึ้นอีก”ก็ต้องรอดูว่า

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

“พายุทรัมป์” จะ “อ่อนลงเป็นลมเย็น?”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

หรือว่าจะ “รุนแรงขึ้นเป็นทอร์นาโด?”

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

“ทรัมป์ จะมีอะไรเขย่าโลกมั้ย??”.

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์

ทีมสกู๊ปเดลินิวส์

ซีซั่นยิ่งต้องจับตาพายุทรัมป์รีเทิร์นจะเขย่าโลกเดลินิวส์